TNR เจ้าตลาดคอนดอม เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จ่อขาย IPO กว่า 75 ล้านหุ้น


     “บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้” เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น หลังบริษัทได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นต่อประชาชน คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ด้านผู้บริหารชูจุดแข็งเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 1,959 ล้านชิ้นต่อปี พร้อมวางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดถุงยางอนามัยแบรนด์  “Onetouch” ในไทย และรุกขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศใหม่ในทวีปต่าง
       นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินเปิดเผยว่า หลังจากบริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 75 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำนวน 37.50 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ อีกจำนวน 37.50 ล้านหุ้น รวมคิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นสามัญจดทะเบียนของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุญาตให้ บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ สามารถเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยปัจจุบัน บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 262.50 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นใหม่อีก 37.50 ล้านหุ้น รวมถึงเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ อีก 37.50 ล้านหุ้น ซึ่งภายหลังที่ ก.ล.ต.ได้อนุมัติให้เสนอขายหุ้น IPO และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์มีผลใช้บังคับแล้วนั้น จะกำหนดวันเสนอขายหุ้น IPO ให้แก่ประชาชน และคาดว่าจะนำ บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในปีนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมในครั้งนี้ไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการต่อไป
     ด้าน นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ กล่าวว่า บริษัทฯ มีศักยภาพความพร้อมด้านการผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติ มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,959 ล้านชิ้นต่อปี จากฐานการผลิตของโรงงาน 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง มีกำลังการผลิตติดตั้ง 426 ล้านชิ้น และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี มีกำลังการผลิตอีก 1,533 ล้านชิ้น เพื่อรองรับแผนดำเนินงานทางธุรกิจ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ การผลิต และจำหน่ายถุงยางอนามัยภายใต้เครื่องหมายการค้า Onetouch ที่จำหน่ายผ่านผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่างๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศ เช่น กลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ประเทศอียิปต์ เป็นต้น
       นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่น โดยบริษัทฯ เป็นผู้รับจ้างผลิตให้แก่บริษัทเอกชน และองค์กรเอกชน (NGOs) ทั้งใน และต่างประเทศกว่า 100 ประเทศ ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป แอฟริกา อเมริกา ออสเตรเลีย และแถบตะวันออกกลาง รวมถึงยังเป็นผู้รับจ้างผลิตถุงยางอนามัยให้กับ United Medical Devices ภายใต้เครื่องหมายการค้า PLAYBOY ทั่วโลก และเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจงานประมูล (Tender) ที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วมการประมูลงานจากองค์กรภาครัฐ และองค์กรเอกชน (NGOs) ทั้งในไทย และต่างประเทศ เนื่องจากมีกำลังการผลิตที่เพียงพอ และมาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพสูง สามารถตอบรับหลักเกณฑ์ของธุรกิจการประมูลได้ ซึ่งออเดอร์ในส่วนนี้จะเข้ามาเติมเต็มการใช้กำลังการผลิต และต้นทุนการผลิตสินค้าต่อหน่วยที่ดีขึ้น
       “เราถือเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งมากที่สุดของไทย และเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยเราผลิตถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์ประเภทเจลหล่อลื่น เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงต้องการขยายตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ Onetouch ไปยังประเทศใหม่ๆ ในทวีปต่างๆ และขยายฐานลูกค้าในการรับจ้างผลิตถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่นเพิ่มเติม นอกจากนี้ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้เปิดตัวถุงยางอนามัยวันทัช ซีโร่ ซีโร่ ทรี (Onetouch 003) ซึ่งเป็นถุงยางอนามัยผิวเรียบ แบบบาง 0.03-0.038 มิลลิเมตร ซึ่งมีความบางที่สุดเท่าที่บริษัทฯ เคยผลิต เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักอายุ 18-45 ปี ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไปและชื่นชอบถุงยางอนามัยที่บางพิเศษในราคาที่คุ้มค่า มีเป้าหมายแผนดำเนินงานที่ต้องการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ Onetouch ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 35% ของตลาดรวมภายในปี 2563 จากเดิมมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 20.6% ของมูลค่าตลาดรวมถุงยางอนามัยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังจะเร่งขยายตลาดไปสู่ประเทศใหม่ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย และแอฟริกา ที่ยังมีความต้องการใช้สินค้า และโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก” 
    ทั้งนี้ บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยมีธุรกิจแบ่งออกเป็น
    1.ธุรกิจผลิต และจำหน่ายถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่นภายใต้เครื่องหมายการค้า “Onetouch” ซึ่งทำตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
    2.ธุรกิจรับจ้างผลิตถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่น (OEM) ให้แก่บริษัทเอกชน และองค์กรเอกชนทั้งใน และต่างประเทศมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งบริษัทได้ทำสัญญารับจ้างผลิตถุงยางอนามัยให้กับลูกค้า United Medical Devices ภายใต้เครื่องหมายการค้า PLAYBOY ทั่วโลก
    3.ธุรกิจงานประมูล โดยเข้าร่วมประมูลงานผลิตถุงยางอนามัยกับองค์กรภาครัฐ และองค์กรเอกชนทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อนำไปจำหน่าย และแจกจ่ายตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก 

    (ที่มา: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ ประจำวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559)


















08/11/2016