เกษตรกรชาวสวนยางใจชื้น หลังคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ถอนวาระเรื่องระเบียบสวัสดิการเกษตรกรชาวสวนยาง ที่เสนอโดยคณะอนุกฎหมายออกจากการประชุม เพื่อให้กลับไปทบทวนร่วมกัน โดยให้เอาร่างของคณะทำงาน ร่างระเบียบตามมาตรา 49 (5) ที่มาจากตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางเป็นหลักในการพิจารณา
เมื่อวานนี้ (24 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานเครือข่ายแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง เปิดเผยว่า คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ถอนวาระเรื่องระเบียบสวัสดิการเกษตรกรชาวสวนยาง ที่เสนอโดยคณะอนุฯ กฎหมายออกจากการประชุมคณะกรรมการการยาง เพื่อให้กลับไปทบทวนร่วมกัน โดยให้เอาร่างของคณะทำงาน ร่างระเบียบตามมาตรา 49 (5) ที่มาจากตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางเป็นหลักในการพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางโดยกลุ่มแนวร่วมชาวสวนยางได้เคลื่อนไหวเรียกร้องมาโดยตลอดให้คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ถอนร่างระเบียบฉบับนี้ที่เสนอโดยคณะอนุกรรมการกฎหมายออกจากการพิจารณาของที่ประชุม เนื่องจากชาวสวนยางมองว่า มีความไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกร โดยล่าสุด วานนี้ (23 ส.ค.) มีการยื่นหนังสือคัดค้านเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย
ขณะที่ นายศิวะ ศรีชาย ตัวแทนเกษตรกรเครือข่ายแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง ได้เขียนบทความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงสถานการณ์ของเกษตรกรชาวสวนยางในปัจจุบันว่า “ในสถานการณ์ ณ ปัจจุบันชาวสวนยางต่างย่ำแย่จากปัญหาราคายางที่ตกต่ำจนเกษตรกรชาวสวนยางต้องจำใจขายผลผลิตแบบขาดทุนมาตลอด 3-4 ปี ที่ผ่านมา”
“การจัดตั้งองค์กรใหม่ภายใต้พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 ได้ดำเนินการมา 1 ปีกว่าแล้ว การปฏิบัติต่างๆ กลับเลวร้าย บวกกับสภาวการณ์ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปี 2559 ชาวสวนยางยิ่งตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่หนักยิ่งขึ้นไปอีก”
“องค์กรที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง คณะกรรมการบริหารสูงสุด ซึ่งจะต้องมีอำนาจหน้าที่บริหารจัดการแบบทั้งระบบอย่างครบวงจรไม่มีน้ำยา ไม่มีความสามารถไม่มีความจริงใจ ไม่ดูแลเอาใจใส่ไม่แยแสต่อประโยชน์ และความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางอย่างที่ควรจะเป็น”
“การบริหารองค์กรเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชัน มีแต่ความแตกแยกขาดความสามัคคี ไม่มีคุณธรรม ไม่มีระเบียบวินัย ไร้ความรับผิดชอบ ไร้สมรรถภาพ ไม่มีประสิทธิภาพ จนนำพาองค์กรและชีวิตของตัวเองตกต่ำได้จนถึงขนาดนี้”
แต่แม้กระนั้นก็ยังมีความพยายาม และไม่ลดละความพยามที่จะสร้างกฎระเบียบหลักเกณฑ์ที่จะลิดรอนเบียดเบียนบดบังสิทธิและประโยชน์ของชาวสวนยางโดยทั่วไปอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คอยฉกฉวย และจ้องชิงเพื่อจะสร้างโอกาสแสวงหาประโยชน์เฉพาะตนเฉพาะกลุ่มกันอยู่เสมอๆ แบบหน้าด้านๆ และไร้ยางอาย
“ในนามแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง เราได้ติดตาม และเฝ้ามองพวกท่านอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา และเรารู้ว่าพวกท่านทั้งหลายกำลังเดินเข้าสู่บ่วงกรรมที่พวกท่านทั้งหลายได้กระทำไว้อยู่แล้ว”
“ความเสียหาย ความทุกข์ยากเดือดร้อนความยากจนข้นแค้นอย่างแสนสาหัสของพี่น้องเกษตรการชาวสวนยาง ซึ่งเป็นผลจากการกระทำของพวกท่านทั้งหลายกำลังสะท้อนย้อนกลับไปยังพวกท่านทุกคนอย่างทั่วถึง และเป็นธรรมอย่างแน่นอน”
“แต่พวกท่านทั้งหลายยังไม่ยอมที่จะลดราวาศอกในการที่จะสร้างเวรสร้างกรรมให้แก่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางให้แก่ผืนแผ่นดินนี้การจัดสร้างระเบียบ หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไข ต่างๆ ตาม พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 ที่พวกท่านได้พยายามจัดสร้างขึ้นมาแต่เพียงฝ่ายเดียว”
“มันได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นผลดีอะไรต่อชาวสวนยางเลย นอกจะจากเอื้อประโยชน์และเปิดโอกาสให้พวกท่าน พวกพนักงาน ลูกจ้าง และปิดโอกาสในการเข้าถึงสิทธิและประโยชน์ของชาวสวนยางโดยแท้จริง”
“การจะออกร่างระเบียบ หลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการว่าด้วยการจัดสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยางตามมาตรา 49 (5) เป็นสิ่งเดียวที่เป็นความมุ่งหวัง และความตั้งใจอย่างสูงของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางทุกคน คงจะปล่อยให้ใคร หรือบุคคลกลุ่มใดจะกระทำปู้ยี่ปู้ยำเอาตามใจชอบไม่ได้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานเครือข่ายแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง ได้โพสต์เรื่องนี้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า บุญของพี่น้องชาวสวนยางชายขอบยังพอมีอยู่จริง วันนี้ “กำนัน” สังเวิน ทวดห้อย บอร์ดการยางคนยาก ได้นัดและพาผมไปพบกับ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย
“ในช่วงเที่ยง ผมได้นั่งคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านในหลายเรื่องของวงการยาง และที่สำคัญท่านได้สั่งการให้ถอนวาระเรื่องระเบียบสวัสดิการเกษตรกรชาวสวนยาง ที่เสนอโดยคณะอนุกฎหมายออกจากการประชุมคณะกรรมการการยางในวันนี้ เพื่อให้กลับไปทบทวนร่วมกัน โดยให้เอาร่างของคณะทำงาน ร่างระเบียบตามมาตรา 49 (5) ที่มาจากตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางเป็นหลักในการพิจารณา พอได้หายใจนิดหนึ่งครับ ขอขอบคุณท่านสังเวินและท่านฉัตรเฉลิม ที่ยังพอมองเห็นชาวสวนยางชายขอบ” นายสุนทร กล่าว
(ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ ประจำวันที่ 25 สิงหาคม 2559)