เฟอร์นิเจอร์ลุ้นบ้านประชารัฐช่วยดันตลาดโต 10%


    นายกีรติ เสริมประภาศิลป์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย และประธานกลุ่มบริษัท เอส.พี.เอส.กรุ๊ป ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ ให้กับอิเกีย เฟอร์นิเจอร์ เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐเร่งผลักดันให้โครงการบ้านประชารัฐหรือที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท เดินหน้านั้นส่งผลดีกับธุรกิจต่อเนื่องกับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่จับตลาดระดับกลางและล่าง ซึ่งจะทำให้ภาพรวมเฟอร์นิเจอร์ในปีนี้เติบโตได้ 5-10% จากที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อซบเซาและปัญหาหนี้ครัวเรือน
   ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังจากเพิ่มค่าจ้างแรงงานเป็น 300 บาท ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดต่างประเทศลดลง เมื่อเทียบกับเวียดนามและมาเลเซีย เวลานี้ราคาเฟอร์นิเจอร์ไทยโดยเฉลี่ยสูงกว่าเวียดนาม 10% ซึ่งผู้ประกอบการต้องปรับตัวหันมาใช้เทคโนโลยีมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ให้มีคุณภาพเพื่อทำให้ราคาต่ำลง จึงจะแข่งขันในตลาดโลกได้ นายกีรติ กล่าว
   สำหรับแผนธุรกิจของ เอส.พี.เอส.กรุ๊ป นั้นบริษัทตั้งเป้าผลิตสินค้าในรูปแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) ในสัดส่วน 60% โดยผลิตเฟอร์นิเจอร์ให้กับอิเกีย เป็นผู้ผลิตสินค้ารูปแบบ ODM (Original Design Manufacturer) หรือการผลิตสินค้าพร้อมกับการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้กับแบรนด์ นิโตริ Nitori ประเทศญี่ปุ่น ผ่านบริษัท เอส.พี.เอส. เจแปน ซึ่งจะทำธุรกิจเพื่อรับออกแบบร้านค้ารูปแบบแฟรนไชส์ และการตกแต่งดิิสเพลย์ในสัดส่วน 30% และเป็นผู้ผลิตสินค้ารูปแบบ OBM (Original Brand Manufacturer) ให้กับแบรนด์โมดาร์ (Modar) ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัท ที่ผลิตขายในรูปแบบบีทูบี เพื่อขายให้กับผู้ประกอบการโครงการจัดสรรและคอนโดมิเนียมในสัดส่วน 10%
   ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทแม่อิเกียที่สวีเดนได้ให้บริษัทเป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปทำตลาดในสหรัฐอเมริกา จากเดิมที่จะใช้สินค้าที่ผลิตจากยุโรป โดยมีคำสั่งผลิตเพิ่มขึ้น 10-15% ปัจจุบันบริษัทได้ส่งออกสินค้าไปหลายประทศในเอเชียซึ่งประเทศจีนถือเป็นตลาดสำคัญที่ส่งออก
   เราถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่กับอิเกีย มีการทำธุรกิจร่วมกันมานาน 24 ปี ซึ่งปัจจุบันอิเกียอยู่ระหว่างก่อสร้างสาขาที่ 2 คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยร่วมกับเซ็นทรัล บางใหญ่ และเตรียมเปิดสาขาที่ 3 บริเวณรังสิต” นายกีรติ กล่าว
    อย่างไรก็ตาม จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี บริษัทจึงมีแผนจะขยายตลาดในอาเซียนให้ครบ 10 ประเทศ และในอินเดีย โดยใช้แบรนด์โมดาร์ในการขยายตลาดเพื่อเจาะเข้าไปยังโครงการจัดสรรหรือโครงการขยายใหญ่ที่ต้องการสินค้าในปริมาณมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศลาว เมียนมา จากก่อนหน้านี้มีการแต่งตัวแทนจำหน่ายแล้วในกัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
   ปัจจุบันค่าเงินบาทอยู่ที่ 34-35 บาท/เหรียญสหรัฐ จึงทำให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศได้ แต่หากเงินบาทกลับมาแข็งค่าจะทำให้แข่งขันได้ลำบาก นายกีรติ กล่าว
    นอกจากนี้ บริษัทเริ่มวางแผน 3-5 ปี เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมกับวางแผนว่าจะกระจายความเสี่ยงไปในธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานตั้งอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีการจ้างพนักงานจำนวน 2,000 คน มีกำลังการผลิตเฟอร์นิเจอร์ 6 ล้านชิ้น/ปี ถือว่าเต็ม 100% แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะลงทุนใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-15% จากปีก่อนมียอดขายรวม 3,000 ล้านบาท 

   (ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ประจำวันที่ 31 มีนาคม 2559)


















31/03/2016