เกษตรฯ-กยท. จับตาภาษีสหรัฐฯ ย้ำดูแลเกษตรกรเต็มที่–ผู้ประกอบการยางไม่วิตก
นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการรับมือมาตรการทางภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา หลังจากที่มีการประกาศว่า จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศไทยที่ 36% ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่จะถึงนี้ ว่า หลายฝ่ายมีการคาดการณ์ว่า ‘สินค้าเกษตร’ จะเป็นหนึ่งในสินค้าที่จะได้รับผลกระทบตรงนี้ประเด็นดังกล่าว นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการดูแลและติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
นายประยูร กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำบัญชีสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบทั้งในด้านการส่งออกและนำเข้าที่อาจส่งผลกระทบกับเกษตรกร อาทิ สินค้าข้าว ยางพารา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการประสานงานและพร้อมนำเสนอข้อมูลให้คณะเจรจาของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลประโยชน์และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการเกษตรให้ได้มากที่สุด
นายประยูร กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและสหรัฐฯ จึงขอย้ำให้เกษตรกรและประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับมาตรการดังกล่าว ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะร่วมกับรัฐบาล ในการดูแลเกษตรกรให้มีความมั่นคง และไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการดังกล่าว
นายเพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการประชุมหารือผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ ที่มีต่อผู้ประกอบกิจการยางของไทย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ว่า จากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางพารา ผู้ประกอบการมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่ายังไม่อยากให้ตื่นตระหนก เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและอาจมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งยังต้องรอติดตามความชัดเจนในอัตราภาษีอีกครั้งว่าจะมีการปรับลดลงอีกหรือไม่
นายเพิก กล่าวว่า แต่อย่างไรก็ตามการเริ่มพูดคุยหารือกันในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการฟังเสียงจากผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ซึ่งจะช่วยให้ กยท. วางแผนเตรียมมาตรการรับมือได้อย่างครอบคลุม ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มวัตถุดิบยาง ได้แก่ ยางแท่ง ยางแผ่น และน้ำยางข้น ซึ่งไม่ได้ถูกปรับเพิ่มอัตราภาษี แต่ยังต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงนโยบายในอนาคต และกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าแปรรูปจากยางพารา ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปรับอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
นายเพิก กล่าวว่า โดยหลังจากรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการในวันนี้แล้ว กยท. จะสรุปแนวทางเบื้องต้นและนัดหารือกับผู้ประกอบการเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติที่ชัดเจนที่ชัดเจนอีกครั้ง ก่อนเสนอรัฐบาลผลักดันสู่นโยบายที่เป็นรูปธรรมต่อไป
ที่มา https://www.matichon.co.th/economy/news_5278758