กยท. เดินหน้าปราบปรามยางเถื่อน พร้อมเร่งคลอดมาตรการ Transit คุมเข้มการขนส่งยางผ่านประเทศไทย เร่งสร้างเสถียรภาพราคายาง สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร เพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ จับมือ IRC ผลิตยางมอเตอร์ไซด์ พร้อมขอไฟเขียวจากบอร์ด กยท. ทุ่ม 3,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัทผลิตยางล้อชั้นนำผลิตยางรถยนต์แบรนด์ “Greenergy Tyre”
?ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (ประธานบอร์ด กยท.) เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญกับปัญหาการลักลอบนำเข้ายางเถื่อน โดยได้ดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหายางเถื่อนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามอย่างจริงจัง การตรวจสอบสต๊อกยางตามแนวชายแดน การสำรวจการผลิตยางธรรมชาติของเกษตรกร เป็นต้น ล่าสุด กยท.ร่วมกับกรมกุศลกากรเตรียมจัดทำมาตรการในการขนส่งยางผ่านประเทศไทย(Transit) เพื่อป้องกันยางเถื่อนหลุดลอดเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะการขนส่งยางจากประเทศพม่าผ่านประเทศไทยไปยังมาเลเซีย ซึ่งมีปริมาณมากถึง 200,000-300,000 ตันต่อปี
?สำหรับมาตรการขนส่งยางผ่านประเทศไทยดังกล่าวนั้น กยท.จะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบปริมาณและชนิดของยางตลอดจนเชื้อโรคและสิ่งปนเปื้อน โดยจะต้องขนส่งด้วยรถบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์ซีลปิดล็อกโดยกระทรวงเกษตรฯและกรมศุลกากรเท่านั้น ไม่อนุญาตให้บรรทุกยางโดยรถบรรทุกทั่วไป พร้อมติดตั้งGPS เพื่อใช้ควบคุมการขนส่งตามเส้นทางที่กำหนด ภายใน 72 ชั่วโมงโดยจะต้องTransit ยางผ่านประเทศไทยไปสู่ประเทศปลายทางคือมาเลเซีย กยท.จะคิดค่าบริหารในอัตรา 2 บาทต่อกิโลกรัมเท่ากับเงินค่าธรรมเนียมส่งออกยางพารา (Cess)ที่จัดเก็บจากผู้ส่งออกยางนอกราขอาณาจักร เพื่อนำมาสมทบเป็นกองทุนพัฒนายางพารา ซึ่งจะทำให้ กยท. มีรายๆได้เพิ่มขึ้นอีก 400-500 ล้านบาทต่อปี
?“มาตรการดังกล่าว เป็นการทำระบบการขนส่งผ่านประเทศให้ถูกต้อง ป้องกันไม่ให้ยางจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากประเทศพม่าที่ขนส่งผ่านประเทศไทยไปยังประเทศปลายทางคือประเทศมาเลเซีย หลุดลอดออกสู่ประเทศไทยระหว่างการขนส่ง ซึ่งจะทำให้ กยท. สามารถบริหารจัดการยางภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ราคายางมีเสถียรภาพมากขึ้น โดย กยท.เตรียมทดสอบระบบ ก่อนที่จะประกาศให้มีผลบังคับใช้ในเร็วๆนี้" ดร.เพิกกล่าว
?อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการสร้่างเสถียรภาพให้ยางพาราของไทยอย่างยั่งยืน นอกจากการปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางเถื่อนอย่างจริงจังแล้ว กยท.จะเร่งส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)กับ บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางยี่ห้อ IRC เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ล้อยางมอเตอร์ไซค์แบรนด์ “Greenergy Tyre”ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐานเทียบเท่าประเทศญี่ปุ่น โดยใช้วัตถุดิบยางพาราจากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งขณะนี้ได้ผลิตออกมาในล็อตแรกแล้ว 15,000 เส้น
?นอกจากนี้ กยท. ยังมีแผนที่จะเข้าไปถือหุ้นในบริษัทผลิตยางล้อชั้นนำแห่งหนึ่ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติงบประมาณจากคณะกรรมการ กยท. 3,000 ล้านบาท เพื่อผลิตยางล้อรถยนต์แบรนด์ “Greenergy Tyre” ตามสูตรของ กยท. ซึ่งจะใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบมากกว่ายางล้อทุกแบรด์ประมาณ 30% ต่อเส้น พร้อมทั้งยังจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิตได้มาตรฐานสากล มีความนุ่มนวล ยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และมีอายุการงานที่ยาวนานรวมทั้งยังให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการผลิต ยางล้อทุกเส้นสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบยางได้ สอดรับกับกฎระเบียบ EU Deforestation-free Products Regulation (EUDR) ของสหภาพยุโรป(EU) และที่สำคัญจะจำหน่ายในราคาประหยัดอีกด้วย
?“กยท.ได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ ในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทาง การเกษตรและเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ ซึ่งการปราบปรามยางเถื่อนอย่างจริงจังพร้อมจัดทำมาตรการในการขนส่งยางผ่านประเทศไทย ตลอดจนการผลิตยางล้อ Greenergy Tyre ทั้งยางมอเตอร์ไซค์ และยางรถยนต์ดังกล่าว จะมีส่วนสำคัญที่จะสร้างเสถียรภาพด้านราคา และสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรชาวงสวนยาง ตลอดจนอุตสาหกรรมยางอย่างยั่งยืน พร้อมที่ขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านผลิตภัณฑ์ยางของภูมิภาค” ประธานบอร์ด กยท. กล่าวในตอนท้าย
ที่มา https://mgronline.com/politics/detail/9680000047580