จับตา 26 พ.ค. เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง กยท.ระดับประเทศ ขอรัฐบาลเจรจาจีน ยกเว้นภาษีนำเข้ายางพาราไทย ผ่านลุ่มน้ำโขงเป็น 0
นายธีระชัย แสนแก้ว ประธานคณะกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง กยท.ระดับประเทศ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตยางพาราอันดับหนึ่งของโลก โดยมีพื้นที่เพาะปลูกสำคัญในภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตอนบน เช่น จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน และลำปาง ซึ่งกลายเป็นพื้นที่ผลิตใหม่ที่มีศักยภาพสูง อย่างไรก็ตาม ยางพาราไทยกำลังเผชิญกับราคาตกต่ำและคำสั่งซื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โรงงานแปรรูปในประเทศบางส่วนต้องลดการรับซื้อ กระทบต่อรายได้เกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นกำลังหลักในห่วงโซ่อุปทานยางของประเทศ
จีนเป็นตลาดบริโภคยางพารารายใหญ่ที่สุดของโลก และมีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ ก่อสร้าง และการแพทย์ อย่างไรก็ตาม ยางพาราไทยยังต้องเสียภาษีนำเข้าในจีนสูงถึง20% ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มลุ่มน้ำโขง ได้แก่ ลาว เมียนมา และกัมพูชา ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าเป็น 0% ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ประกอบกับกลุ่มทุนจีนได้เข้าไปลงทุนในประเทศเหล่านี้โดยตรง ทั้งในด้านการปลูกยางและตั้งโรงงานแปรรูป จึงได้รับสิทธิประโยชน์เหนือกว่ายางพาราไทย
“มติคณะกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง กยท.ระดับประเทศ ได้มีมติ เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขัน จึงได้เสนอให้รัฐบาลร้องขอรัฐบาลจีนยกเว้นภาษีนำเข้าเป็น 0% สำหรับยางพาราจากไทย โดยเฉพาะยางจากภาคเหนือส่งออกผ่านท่าเรือเชียงแสน – ท่าเรือกวนเหล่ย โดยใช้แม่น้ำโขงเป็นเส้นทางขนส่งหลัก และขอใช้สิทธิภายใต้กรอบความร่วมมือ GMS (Greater Mekong Subregion)"
นายธีระชัย กล่าวย้ำในตอนท้าย ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ณ จังหวัดเชียงราย จะมีตัวแทนฝ่ายจีนพร้อมกับรัฐบาลและเอกชน เสนอการยกเว้นภาษีนำเข้ายางพาราไทยเป็น 0% พิจารณาการใช้เส้นทางขนส่งทางน้ำผ่านแม่น้ำโขง จะเป็นแนวทางที่ยั่งยืน สร้างความเท่าเทียมในการแข่งขัน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย–จีนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการค้า โลจิสติกส์ และการพัฒนาภูมิภาคลุ่มน้ำโขงร่วมกัน
ที่มา https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/626685