สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ขอความร่วมมือเกษตรกร ชาวสวนยางพาราเลิกปลูกยางพันธุ์ RRIM600 ชี้ไม่คุ้มกับต้นทุน เนื่องจากมีต้นกำเนิดพันธุ์มาจากต่างประเทศ ซึ่งยกเลิกการปลูกไปแล้ว วอนกรมวิชาการ เดินหน้าแก้ปัญหา 9 ปีผ่านไปยังไม่มีประกาศแต่อย่างใด
ดร.อุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้จัดประชุมวิชาการยางพารา ในการบริหารจัดการยางพาราสวนยางอารยะเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ปัจจุบันเกษตรกรไทยยังนิยมปลูกยางพันธุ์ RRIM600 ซึ่งเริ่มปลูกก็เริ่มยอมรับว่าขาดทุน เพราะยาง RRIM ต้นกำเนิดพันธุ์มาจากประเทศมาเลเซีย
โดยเป็นเจ้าของพันธุ์และรัฐบาลมาเลเซียให้ยกเลิกปลูกพันธุ์ RRIM ไปแล้ว 30 กว่าปี แต่เกษตรกรไทยยังนิยมปลูกอยู่ เพราะที่ผ่านมาการประกาศพันธุ์ยางตาม พ.ร.บ.ควบคุมยาง 2542 กำหนดให้กรมวิชาการเกษตร ทุก ๆ 4 ปีให้ประกาศพันธุ์ยาง 1 ครั้ง แต่ผ่านมา 9 ปี ยังไม่เคยประกาศชั้นยางเลย
ทางสมาคมจึงได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการนโยบายธรรมชาติ (กนย.) แล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ประกาศออกมา มีแต่สถาบันวิจัยยางของการยางแห่งประเทศไทยประกาศลดชั้นยาง RRIM600 เป็นยางชั้น 2 และประกาศยางชั้นที่ 1 ซึ่งมีพันธุ์ RRIT3904 ซึ่งให้น้ำยางมากกว่า RRIM600 ถึงเท่าตัว หรือ RRIM600 น้ำยาง 220 กก.ต่อไร่ต่อปี RRIT3904 น้ำยาง ได้ 400 กก.ต่อไร่ต่อปี
ปัจจุบันเศรษฐกิจประเทศไทยมีปัญหาราคายางตกต่ำกว่าต้นทุนของการผลิต กรมวิชาการเกษตรมีหน้าที่ดูแลเกษตรกรในด้านวิชาการปรับปรุงพันธุ์ให้เกษตรกรเพิ่มผลผลิต ในยามนี้ต้องร่วมช่วยกันทุกฝ่าย
ทางสมาคมจึงหาหนทางลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตโดยเกษตรกรที่ปลูกยาง RRIM600 ไปแล้ว ทางสมาคมได้เสนอคณะกรรมการนโยบายยางแห่งชาติ ในขณะที่เรายังไม่สามารถผลิตสารที่เร่งน้ำยางเพิ่มได้ให้ซื้อจากประเทศที่เขามีอยู่ เช่น Epthyphonplus ซึ่งเป็นฮออร์โมนเร่งน้ำยางออกมาอีก 1 เท่า และทางมาเลเซียวิจัยใช้กับพันธุ์ยาง RRIM600 ที่เขาสั่งยกเลิก และเกษตรกรมาเลเซียก็นำไปใช้ก่อนโค่นเพื่อเปลี่ยนพันธุ์ยางที่ให้ผลผลิตมาก ซึ่งการสั่งฮอร์โมนนี้ทางกรมวิชาการเกษตรมีขั้นตอนมาก ทางสมาคมจึงขอลดขั้นตอน ปัจจุบันจึงขอร้องให้การยางฯนำเข้ามาเพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ใช้
นี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกรชาวสวนยาง ในขณะที่ ราคายางตกต่ำกว่าต้นทุนการผลิต จึงทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีปัญหา ซึ่งทุกฝ่ายควรร่วมมือกันทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น โดยร่วมกันสามัคคีกันในระหว่างรัฐบาล ผู้ประกอบการและเกษตรกร จะต้องร่วมกันประคองให้ผ่านพ้นวิกฤต โดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินออกมาประกันราคายางหรือแทรกแซงราคายาง แล้วนำไปขายถูกกว่าขึ้ยาง เสียงบประมาณแผ่นดินที่ใช้มาตราการเหล่านี้ สมาคมจึงขอความร่วมมือทุก ๆ ฝ่ายร่วมมือกันเพื่อให้ผ่านวิกฤตไปให้ได้
ที่มา https://www.prachachat.net/economy/news-1804967