TDRI จับตา “ส่งออก-นำเข้า” ไทย เสี่ยงถูกขึ้นภาษี-แข่งขันรุนแรงศึกเทรดวอร์


“กิริฎา” TDRI เปิด 3 ผลกระทบ “Trade War 2.0” จับตา สินค้า 20 อันดับ เสี่ยงถูกตั้งกำแพงภาษีทั้งกระดาน หลังไทยเกินดุลสหรัฐฯ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้าน “นำเข้า” ถูกบังคับเปิดตลาดมากขึ้น พร้อมการแข่งขันกับตลาดจีนมากขึ้น  
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก (TDRI) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยภายใต้ Trade War 2.0 แม้ว่ายังไม่รู้รายละเอียด แต่เรารู้ทิศทาง โดยผลกระทบหลักจะมีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่อง คือ 1.กระทบสินค้าไทย เพราะสินค้าทุกอย่างต้องผลิตในสหรัฐฯ (Made in America) 2.การส่งออกโดยตรงไปสหรัฐฯ และ 3.การนำเข้ามากขึ้น เพราะค้าขายได้ยากขึ้น
ทั้งนี้ หากดูสัดส่วนการพึ่งพาตลาดการส่งออกของไทย คิดเป็น 65% ของมูลค่าเศรษฐกิจไทย และการนำเข้าคิดเป็น 60% ของมูลค่าเศรษฐกิจไทย โดยตลาดหลัก คือ สหรัฐฯ คิดเป็น 18% รองลงมา คือ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ดังนั้น หากตลาดเหล่านี้โดนผลกระทบสงครามการค้า โดยจะเห็นว่าคู่ค้าหลักเริ่มโตชะลอลง แม้สหรัฐฯ ที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าจะขยายตัว 2.7% อาจจะไม่ถึงในปีนี้ ส่งผลให้การซื้อสินค้าจากประเทศคู่ค้าของไทยน้อยลง
และหากดูไทยเกินดุลกาค้ากับสหรัฐฯ กว่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งทรัมป์จะดูว่าไทยเกินดุลสินค้าอะไร และตั้งกำแพงสินค้าอะไร ซึ่งอาจจะเป็นการปรับขึ้นทั้งกระดาน (Across the board) หรือดูแค่บางสินค้า ซึ่งสินค้าที่มีความเสี่ยงเยอะ 20 อันดับแรกเกินดุลสหรัฐฯ หมด และมีสินค้าที่ไทยเก็บภาษีสูงกว่าสหรัฐฯ เก็บไทย เช่น ยางรถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ อาหารสัตว์ และเฟอร์นิเจอร์ เป็นสินค้าที่น่าจับตามอง
ส่วนการนำเข้า อาจจะเห็นสหรัฐฯ บังคับไทยเปิดตลาดมากขึ้นในสินค้าที่ไทยเก็บภาษีสูงหรือกีดกันการนำเข้า เช่น เนื้อหมู ข้าวโพด ไวน์ เบียร์ เหล้า เพื่อลดการเกินดุล หรือสินค้าที่มีผลกระทบต่อไทยอาจจะต้องเปิดการเจรจา อย่างไรก็ดี นอกจากการเปิดตลาดสหรัฐฯ มากขึ้น จะเห็นว่าไทยมีการนำเข้าจากประเทศอื่น เช่น  อันดับ 1 คือ จีน คิดเป็น 1 ใน 3 และ 3 ใน 4 ประเทศอื่น โดยเริ่มเห็นสินค้าจีนเข้ามาในไทยตั้งแต่ 4 ปีก่อน เนื่องจากมีดีมานด์เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบ เครื่องจักรอุปกรณ์ ซึ่งมีต้นทุนที่ถูกกว่า ส่งผลให้นักธุรกิจได้ประโยชน์ แต่คนที่ผลิตสินค้าเดียวกันอาจเสียประโยชน์
“เราคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมีการตั้งโรงงานจีนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการไหลบ่าของสินค้าจีนเข้ามาอีก ดังนั้น ไทยจำเป็นต้องมีกฎหมายในเรื่องของการควบคุมคุณภาพสินค้า ไม่ใช่แค่การตั้งกำแพงภาษีอย่างเดียว และสหรัฐฯ อาจจะจับตาชิ้นส่วนยานยนต์เรา รวมถึงสงครามประเทศอื่นๆ อาจจะกระทบมายังเราได้เช่นกัน”
ที่มา  https://www.prachachat.net/finance/news-1770444


















12/03/2025