สำนักงาน ก.พ.ร. นัดประชุมหน่วยงานรัฐ - เอกชน หาทางรับมือยุโรปประกาศกฎหมาย EUDR ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ธันวาคม 2568 นี้ ดันแพลตฟอร์มใหม่ พร้อมทำแซนด์บ็อกซ์ นำร่อง 3 จังหวัด สินค้าปาล์มน้ำมัน ยางพารา
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดการประชุมหารือร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เกี่ยวกับแนวทางการทำงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ ในการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยต่อการบังคับใช้กฎหมายด้านการนำเข้าสินค้าที่มีส่วนในการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคม 2568
ทั้งนี้สาระสำคัญของการประชุม เห็นว่า กฎหมาย EUDR กำหนดให้สินค้า 7 กลุ่ม ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน วัว ไม้ กาแฟ โกโก้ และถั่วเหลือง รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสินค้าดังกล่าว ที่นำเข้าสหภาพยุโรปต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าหรือการทำให้ป่าเสื่อมโทรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน และต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้
ขณะที่การเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยต่อการบังคับใช้กฎหมาย EUDR มีประเด็นสำคัญที่ภาคเอกชนต้องการการสนับสนุนเร่งด่วนจากหน่วยงานภาครัฐ โดยการจัดทำแผนที่ระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของแปลงเกษตร (Geolocation Map) ที่เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลการจดทะเบียนเกษตรกร
รวมทั้งการพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability system) สำหรับสินค้าเกษตรที่อยู่ภายใต้มาตรการ EUDR โดยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐได้แลกเปลี่ยนข้อมูลผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และแนวทางการดำเนินงานในอนาคต ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญดังกล่าว
อย่างไรก็ตามเพื่อให้การดำเนินการข้างต้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ประชุมเห็นว่าควรการทดลองใช้แพลตฟอร์ม Geolocation Map ที่พัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) เชื่อมโยงกับข้อมูลแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและฐานข้อมูลการจดทะเบียนเกษตรกร
ทั้งนี้เพื่อรับรองว่าพื้นที่แปลงปลูกไม่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าและถูกต้องตามกฎหมายของไทยตามที่ EUDR กำหนด โดยที่ประชุมได้กำหนดพื้นที่นำร่อง (Sandbox) ใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี และกลุ่มสินค้าเป้าหมายคือ ปาล์มน้ำมันและยางพารา
รวมทั้งการเจรจากับสหภาพยุโรปเพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับของไทยให้เป็นที่ยอมรับระดับสากลและสอดคล้องกับ EUDR
ส่วนแนวทางการดำเนินงานระยะต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร. จะหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อออกแบบแนวทางบูรณาการการทำงานในการทดลองนำร่องจัดทำ Geolocation Map ภายใต้กระบวนการห้องปฏิบัติการนวัตกรรมภาครัฐ (Government Innovation Lab : Gov Lab)
นอกจากนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. จะหารือร่วมกับ ส.อ.ท. และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องและโอกาสในการพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับ
พร้อมทั้งจะประสานข้อมูลดังกล่าวให้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการระดับชาติเพื่อแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรที่ได้รับผลกระทบภายใต้ EUDR เพื่อกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพและแนวทางปฏิบัติต่อไป
ที่มา https://www.thansettakij.com/economy/619441