ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังร่วมประชุมกับคณะ รองประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมืองประชาชนจีน (CPPCC) ประจำเมืองชิงเต่า และคณะผู้แทนการค้าการลงทุนจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่ดีที่จะช่วยยกระดับมูลค่าให้กับยางพาราของประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตยางพาราหลักของโลก ซึ่งเกิดประโยชน์กับทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของไทยและจีนตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีในการต่อยอดความร่วมมือด้านอื่นๆ ในอนาคตร่วมกัน เนื่องจากจีนเป็นประเทศผู้นำเข้าและผู้ผลิตยางรายใหญ่ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาและสร้างการเติบโตของอุตสาหกรรมด้านยางพาราทั้ง 2 ประเทศควบคู่ไปพร้อมกัน
นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย นำคณะผู้บริหาร กยท. พร้อมด้วยผู้นำคณะกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ ได้เข้าร่วมประชุมและศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเจรจาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนด้านยางพาราระหว่างไทยและจีน โดยในวันนี้ กยท. จึงได้มีโอกาสเปิดบ้านต้อนรับ Ms. Li Suman รองประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมืองประชาชนจีน (CPPCC) ประจำเมืองชิงเต่า และคณะผู้แทนการค้าการลงทุนจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมจัดประชุมเจรจาความร่วมมือและร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่าง กยท. และตัวแทนที่ได้รับอนุญาตจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจากสมาคมอุตสาหกรรมหมุนเวียนยางชิงเต่า เพื่อร่วมกันหารือและกำหนดแนวทางความร่วมมือทางการค้าด้านยางพาราระหว่างไทยและจีนให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมสัมพันธ์และสร้างพันธมิตรอันดีกับประเทศคู่ค้าด้านยางพาราที่สำคัญในระดับสากลอีกด้วย
สำหรับการเจรจาความร่วมมือทางการค้าด้านยางพาราในครั้งนี้ด้านประเทศจีนได้ตกลงร่วมกันกับ กยท. ในการทำสัญญาซื้อขายยาง โดยมีเป้าหมายการส่งผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติ จำนวน 200,000 ตัน ในระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งการร่วมมือทางการค้าในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับยางพาราไทย เนื่องจากประเทศจีนเป็นประเทศจุดหมายปลายทางที่สำคัญอย่างมากในการส่งออกยางพารา โดยเฉพาะเขตเมืองชิงเต่า ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งของจีนที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มผู้นำอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์มากมาย และมีความต้องการใช้วัตถุดิบยางพาราปริมาณมากเพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่อไป
ที่มา https://www.dailynews.co.th/news/4157317/