ไทย ขอสหรัฐต่อสิทธิ GSP หลังหมดอายุไปแล้วในปี 2563... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/economy/news-1675527


“พิชัย” รมว.พาณิชย์ หารือ “ทูตสหรัฐ” ดันการต่ออายุโครงการ GSP พร้อมชวนลงทุน Data Center และ Cloud Service เพิ่มมูลค่าการค้า ชูไทยพร้อมเป็น Food Security Hub

วันที่ 17 ตุลาคม 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือกับนายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้พบหารือกันหลังจากที่ได้เข้ารับตำแหน่ง โดยเน้นย้ำว่าไทยและสหรัฐเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พร้อมให้ความร่วมมือกับสถานทูตสหรัฐ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน

การหารือครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่ได้แจ้งให้สหรัฐทราบว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ เสริมสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการค้าและการลงทุน และพร้อมต้อนรับการมาเยือนของคณะนักธุรกิจ USABC (U.S.-ASEAN Business Council-USABC) ในเดือนพฤศจิกายน 2567

ทั้งนี้ ไทยพร้อมเป็นพันธมิตรด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะการเป็นฐานการผลิตในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของสหรัฐ เช่น ดิจิทัล AI อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ และสหรัฐ ก็พร้อมสนับสนุนภาคเอกชนของสหรัฐ ให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันทราบว่าบริษัท HP ของสหรัฐ ก็อยู่ระหว่างการเข้ามาลงทุนในไทย

พร้อมกันนี้ ได้ยินดีที่บริษัทดิจิทัลสัญชาติสหรัฐ อย่างบริษัท Google และ Amazon ที่ได้ยืนยันแผนการลงทุนในธุรกิจ Data Center และ Cloud Service ในไทย ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลของภูมิภาค พร้อมทั้งได้เชิญชวนบริษัทดิจิทัลสัญชาติสหรัฐอื่น ๆ เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่ม

นอกจากนี้ ไทยยังมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร (Food Security Hub) โดยเป็นคลังสินค้าและส่งออกอาหารให้กับทุกประเทศที่ต้องการ

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ไทยได้ขอให้สหรัฐพิจารณาเร่งรัดการต่ออายุการให้สิทธิ GSP (สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร) ที่ได้หมดอายุไปเมื่อปลายปี 2563 ให้เสร็จโดยเร็ว เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งได้แสดงความยินดีต่อการสรุปผลแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) ที่ทั้ง 2 ประเทศได้ดำเนินการร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การปลดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (WL)

ในปี 2566 สหรัฐเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 2 ของไทย รองจากจีน โดยมีมูลค่าการค้ารวม 67,659.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐ 48,352.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขณะที่สหรัฐเป็นแหล่งนำเข้าลำดับ 3 ของไทยมีมูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐ 19,307.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์

ที่มา  https://www.prachachat.net/economy/news-1675527


















18/10/2024