โฆษกเกษตรฯเผย ก.เกษตรฯเอาจริง ดันราคายางพาราดีขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดทะลุ 90 บาท สูงสุดในรอบ 85 เดือน เดินหน้าตามนโยบายรัฐบาลเศรษฐา “ธรรมนัส” คุมเข้มผลักดันขายคาร์บอนเครดิตในสวนยางไทย เพิ่มรายได้ชาวสวนยางกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท
วันที่ 13 มีนาคม 2567 นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ผ่ายการเมือง) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคายางพาราในปัจจุบันดีดตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคายางที่ซื้อขายผ่านสํานักงานตลาดกลางยางพารา ของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) พุ่งทะลุ 90 บาทไปแล้ว ซึ่งราคาซื้อขายยางแผ่นรมควันอยู่ที่ 90.09 บาท/กก. ถือเป็นราคาสูงที่สุดในรอบ 85 เดือน (7 ปี 1 เดือน) โดยปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะยังคงอยู่ในทิศทางแนวโน้มขาขึ้นต่อไป
ด้านร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กําชับสั่งการให้นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย มุ่งดําเนินงานสนับสนุนให้เกิดการสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา นอกเหนือจากการผลิตยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ไม้ยางพารา
โดยสร้างแหล่งรายได้ให้กับเกษตรกรผ่านกระบวนการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิต เพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้สูงขึ้น ควบคู่ไปกับการรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม เป็นฐานการดูดซับก๊าชเรือนกระจกในภาคการเกษตร เพื่อบรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลกําหนดไว้
ตามนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นําของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ และบรรลุเบ้าหมายการปล่อยก๊าซเรือน กระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission) ได้ในปี ค.ศ. 2065
ยางพาราที่เป็นไม้ยืนต้นที่มีความสามารถช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ จึงเป็นแนวทางเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรจากการขายคาร์บอนเครดิตในสวนยาง โดยหากคํานวณจากพื้นที่สวนยางในประเทศที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทยทั้งหมดกว่า 20 ล้านไร่ สามารถช่วยกักเก็บคาร์บอนได้ประมาณ 80 ล้านตัน
โดยใช้สูตรการคํานวณ แอลโลแมตรี ตามที่องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) กําหนด คิดเป็นรายได้จากการขายคาร์บอนเครติต รวมเป็นมูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาท (ราคาซื้อขายคาร์บอนเครดิตเฉลี่ย 300 บาทตัน)
โฆษก ก.เกษตรฯ เปิดเผยว่า ราคายางที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 7 ปี ถือเป็นการขับเคลื่อนแนวทางตามนโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นผลงานในรอบ 6 เดือน ให้เกิดเป็นรูปธรรม ภายใต้นโยบาย “เกษตรกรต้องอยู่ดี สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน” และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรและประชาชนร่วมกันลดก๊าซเรือนกระจก สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี และเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนอันจะนําประเทศมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ที่มา https://www.prachachat.net/economy/news-1521623