จีนและกัมพูชาจับมือร่วมลงทุนในโครงการยางและยางล้อมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ


จีนและกัมพูชาจับมือร่วมลงทุนในโครงการยางพาราและยางล้อมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การไหลเข้ามาของการลงทุนของจีนในกัมพูชาได้รับแรงหนุนจากความร่วมมือล่าสุดระหว่างรัฐบาลกัมพูชาและศูนย์วิจัยวิศวกรรมแห่งชาติจีนสำหรับยางและยางล้อรถยนต์ (the Chinese National Engineering Research Centre for Rubber and Tire: Nercrat) ความร่วมมือดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงในระดับใหม่ให้กับตลาด ซึ่งอาจช่วยลดการพึ่งพาการส่งออกน้ำยางดิบทั่วโลกในปีต่อๆ ไป ศูนย์ Nercrat ตั้งอยู่ในเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง เป็นศูนย์ R&D ที่อุทิศให้กับเทคโนโลยีขั้นสูงในอุตสาหกรรมยางและยางรถยนต์
Sun Chanthol รองประธานคนแรกของสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (the Council for the Development of Cambodia: CDC) นำคณะผู้แทนจากภาคเอกชนเข้าพบกับบริษัทจีนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยางล้อรถยนต์ ในระหว่างการเยือนครั้งล่าสุด คู่สัญญายังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับศูนย์วิจัยเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยางของกัมพูชา
ศูนย์แห่งนี้แสดงความตั้งใจที่จะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการที่มีลำดับความสำคัญภายในภาคส่วนนี้ ตามคำแถลงของ CDC เมื่อเร็วๆ นี้
สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชารายงานว่า บริษัท Cart Tyre Co Ltd กำลังจัดตั้งโรงงานในจังหวัด Svay Rieng ทำให้กลายเป็นบริษัทร่วมทุนด้านการผลิตยางล้อแห่งแรกในประเทศด้วยเงินลงทุนเริ่มแรกมากกว่า 350 ล้านดอลลารืสหรัฐ บริษัทวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนเป็น 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐบนพื้นที่ประมาณ 120 เฮกตาร์
การขยายธุรกิจนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนการส่งออกไปยังตลาดหลักๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเกาหลีใต้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มการผลิต แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพของน้ำยางเพื่อตอบสนองความต้องการของโรงงานแปรรูปยางในท้องถิ่นอีกด้วย
Him Aun หัวหน้าแผนกทั่วไปด้านยางกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศนี้มีโรงงานแปรรูปยางล้อ 3 แห่ง ซึ่งรวมถึง Newbustar (Cambodia) Tyre Co Ltd ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Doublestar Group ของรัฐบาลจีน ซึ่งลงทุน 138 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโรงงานในจังหวัด Kratie  บริษัท General Tyres Technology (Cambodia) Co Ltd ด้วยการลงทุนประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐในชายฝั่งพระสีหนุ และ Cart Tyre Co Ltd ซึ่งลงทุน 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน Svay Rieng เมื่อเร็วๆ นี้ CDC ได้อนุมัติโรงงานแปรรูปยางล้อเพิ่มเติมอีกสองแห่ง ซึ่งส่งสัญญาณถึงการลงทุนเพิ่มเติมในภาคส่วนนี้ในปีนี้ 
เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลได้ประกาศแผนการขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการส่งออกยางพาราออกไปอีกสองปี เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2567 ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนการเพาะปลูกและช่วยเหลือผู้ปลูกและผู้ส่งออกท่ามกลางราคาระหว่างประเทศที่ตกต่ำ กฎระเบียบใหม่กำหนดว่าการส่งออกจะได้รับการยกเว้นภาษี หากราคายางต่ำกว่า 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน กฤษฎีกาย่อยสรุปอัตราภาษีที่แตกต่างกันสำหรับสถานการณ์อื่น ๆ โดยขึ้นอยู่กับราคาปัจจุบันและมูลค่าการส่งออก
ข้อมูลล่าสุดจากแผนกยา งสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชาแสดงให้เห็นว่าระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน ประเทศกัมพูชามีรายได้จากการส่งออกยางพารา 445 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากไม้ยางพารา
ในเดือนพฤศจิกายน ยางพารามีราคาอยู่ที่ 1,333 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลง 7.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ในขณะที่ไม้ยางพารามีราคาอยู่ที่ 231 ดอลลาร์สหรัฐต่อลูกบาศก์เมตร
พื้นที่เพาะปลูกยางทั้งหมดของกัมพูชาในปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่ 404,578 เฮกตาร์ โดย 78% (315,332 เฮกตาร์) เป็นพื้นที่สำหรับการผลิตน้ำยางข้น และส่วนที่เหลืออีก 22% (89,246 เฮกตาร์) อยู่ระหว่างการบำรุงรักษา
การส่งออกน้ำยางข้นและไม้ยางพาราในปี 2565 มีมูลค่าเกิน 531 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการส่งออกมีมูลค่ารวม 527.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการส่งออกไม้ยางพาราคิดเป็นมูลค่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามการระบุของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE)
ที่มา https://rubberjournalasia.com/china-cambodia-tie-up-in-us1-bn-rubber-tyre-projects/


















17/01/2024