สคต.ไมอามี รายงาน ทรัมป์จ่อขึ้นภาษีนำเข้าเฉพาะสินค้าเฟอร์นิเจอร์ เสี่ยงกำแพงภาษีสูง ขณะที่เฟอร์นิเจอร์ไทยติดอันดับ 10 แหล่งนำเข้าสหรัฐฯ
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณเมืองไมอามี กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่าหลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ได้ประกาศผ่านทาง Truth Social ว่าสหรัฐฯ กำลังพิจารณากำหนดอัตรากำแพงภาษีนำเข้าเฉพาะสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง เหตุผลความจำเป็น เพื่อการกำหนดอัตรากำแพงภาษีที่แน่นอนต่อไป โดย ทรัมป์ ยังได้กำหนดกรอบเวลาในการประกาศอัตรากำแพงภาษีภายใน 50 วัน (นับจากวันที่ 22 สิงหาคม เป็นต้นไป)
ทั้งนี้ การประกาศอัตรากำแพงภาษีนำเข้าเฉพาะสินค้าเฟอร์นิเจอร์ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เนื่องจากหากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้เคยลงนามคำสั่งประธานาธิบดี (Executive Order) ว่าด้วยภัยคุมคามต่อความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯจากการนำเข้าไม้ดิบ ไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯดำเนินการสืบสวนการเสียเปรียบทางการค้า
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่ากำแพงภาษีนำเข้าเฉพาะสินค้าเฟอร์นิเจอร์นี้มีความเป็นไปได้ที่จะอ้างหลักเกณฑ์ตามมาตรา 232 (Section 232) ของพรบ. Trade Expansion Act 1962 ว่าด้วยมาตรการด้านความมั่นคงของชาติในการบังคับใช้ เนื่องจากเมื่อครั้งกำหนดกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมก็ได้ใช้มาตราเดียวกัน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็อาจเป็นไปได้ว่ากำแพงภาษีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์จะอยู่ในอัตราที่สูงกว่ากำแพงภาษีนำเข้าแบบต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) เมื่อพิจารณาเทียบเคียงกับอัตรากำแพงภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 50% ทั้งหมด
แม้ว่าจากคำประกาศของ ทรัมป์ จะขีดเส้นให้กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นได้ข้อสรุปเป็นตัวเลขภายใน 50 วัน ซึ่งหมายถึงช่วงกลางเดือนตุลาคมของปีนี้ แต่ทว่ากฎระเบียบในทางเทคนิคนั้นได้กำหนดกรอบเวลาในการสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯให้แล้วเสร็จใน 270 วัน และกรอบเวลาสำหรับประธานาธิบดีอีก 90 วันในการสั่งการตามผลการสอบสวนดังกล่าว ทำให้เส้นตาย 50 วันที่ ปธน.ทรัมป์ประกาศแท้จริงแล้วอาจเป็นเพียง “การหวังผลทางการเมือง” มาก่อนก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม สินค้าเฟอร์นิเจอร์ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่สำคัญของประเทศไทยที่ส่งออกมายังสหรัฐฯ ดังจะเห็นได้จากข้อมูลในข้างต้น โดยในภาพรวมสหรัฐฯนำเข้าสินค้าเฟอร์นิเจอร์จากประเทศไทยมากที่สุดเป็นลำดับที่ 10 ซึ่งมีกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป สินค้าโคมไฟ และสินค้าเก้าอี้เป็นรายการสินค้านำเข้าหลักจากประเทศไทย ทำให้การติดตามความคืบหน้าของข้อมูลเชิงนโยบายและกฎระเบียบเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าเฟอร์นิเจอร์หลังจากนี้ควรที่จะต้องเป็นไปด้วยความรอบครอบในรายละเอียด ได้แก่
1. รายละเอียดเฉพาะเจาะจงของกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่อาจเข้าข่ายอัตรากำแพงภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นไปได้ที่อาจจะเหมารวมทั้งหมดทุกประเภทในอัตราเดียวกัน หรือกำหนดอัตราแยกสำหรับแต่ละกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ อาทิ กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์จำแนกตามวัสดุ (ไม้ เหล็ก หุ้มเบาะ) และ กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ตามหมวดหมู่การใช้สอย (เฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว เป็นต้น)
2. รูปแบบการกำหนดอัตรากำแพงภาษีนำเข้าสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดอัตราเดียวกันบังคับใช้กับทุกประเทศแหล่งนำเข้า หรือระบุเฉพาะเจาะจงอัตราพิเศษสำหรับบางประเทศแหล่งนำเข้า เพื่อประโยชน์ในการวางแผนการแข่งขันและการกำหนดยุทธศาสตร์ในการส่งออกสินค้า
3. การกำหนดข้อยกเว้น กรณียกเว้น และกรอบระยะเวลาในการบังคับใช้อัตรากำแพงภาษีนำเข้า ตลอดจนวิธีการคำนวณอัตรากำแพงภาษีนำเข้าว่าจะเป็นการคำนวณเพิ่มเติมจากอัตรากำแพงภาษีนำเข้าตัวอื่น ๆ หรือคำนวณอาจทดแทนกัน
ทั้งนี้ สคต. ณ เมืองไมอามีจะติดตามความคืบหน้าของอัตรากำแพงภาษีสำหรับสินค้าเฟอร์นิเจอร์อย่างใกล้ชิด พร้อมรวบรวมข้อมูลจัดทำรายงานสภาวะสินค้าเฟอร์นิเจอร์ในสหรัฐฯ เพื่อการเผยแพร่ในโอกาสต่อไป
ที่มา https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/637532