SILCHAR, อินเดีย—ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างรวดเร็วของโลก
การปลูกต้นยางพารามีบทบาทสำคัญในการลดโลกร้อน ผู้เขียนหนังสือเล่มใหม่นี้ระบุ
หนังสือ Rubber Plantations and Carbon
Management มีกำหนดวางแผงเดือนกันยายน จากสำนักพิมพ์ Apple
Academic Press ได้มองบทบาทของการปลูกต้นยางพาราในบริบทของการกักเก็บคาร์บอน
(carbon sequestration)—
กระบวนการเก็บคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศและเก็บไว้ ไม่ให้หลุดออกไป
“ผู้เขียนให้ผลการศึกษาเชิงลึกในเรื่องแหล่งเก็บคาร์บอนและศักยภาพการกักเก็บคาร์บอนของการปลูกยางพารา”
ตามข้อมูลจากการแถลงข่าว
หนังสือ Rubber Plantations and Carbon
Management ได้กล่าวถึงการสูญเสียคาร์บอนในชีวมวลผ่านการตัดป่าจนหมด
(clear felling) การกักเก็บคาร์บอนของระบบนิเวศ
และพลวัตของรากฝอยในสมดุลคาร์บอนภายใต้ระบบการบริการการปลูกยางพารา
หนังสือเล่มนี้ยังประกอบด้วยข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวปฏิบัติด้านการบริหารจัดการที่ดีที่สุดสำหรับการขยายพื้นที่ปลูกต้นยางพารา
(Hevea tree)
ในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ทุ่งหญ้า
หรือพื้นที่รกร้าง “การพัฒนาการปลูกยางพาราโดยการทดแทนป่าธรรมชาติไม่ควรได้รับการสนับสนุน
โดยการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินไปเรื่อย ๆ ... สามารถที่จะเพิ่มสต๊อกของชีวมวลและดินได้”
ตามข้อมูลจากการแถลงดังกล่าว
โดยที่ยังไม่มีบทบาทของการปลูกยางพาราในเรื่องการกักเก็บคาร์บอนที่เจาะจง
แต่การปลูกยางพาราก็เป็นประโยชน์โดยทั่วไปในพื้นที่นั้นในลักษณะที่เหมือนแต่ยังไม่ดีเท่าป่าธรรมชาติ
ตามข้อมูลของ Arun Jyoti Nath
ศาสตราจารย์ในคณะนิเวศวิทยาและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ณ Assam University ในเมือง Silchar
Nath ซึ่งเป็นผู้ร่วมเขียนหนังสือ Rubber
Plantations and Carbon Management กับเพื่อนร่วมงานที่ Assam
University อีก 2 ท่าน คือ Biplab
Brahma และ Ashesh Kumar Das
โดยดั้งเดิม
ผู้ปลูกจะเปลี่ยนสภาพพื้นที่ป่าธรรมชาติเป็นแปลงปลูกต้น Hevea ที่มีการจัดการโดยบุคคลหรือโดยชุมชน Nath กล่าว
“การแปลงสภาพพื้นที่ดังกล่าวสามารถลดลงได้โดยการส่งเสริมโปรแกรมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการตัดไม้และการเสื่อมโทรมของป่าไม้
(Reduced Emissions from Deforestation and Forest Degradation: REDD+)” เขาเขียนตอบอีเมลคำถาม
แรงจูงใจที่เป็นเงินสามารถโน้มน้าวเกษตรกรให้ฟื้นฟูพื้นที่ที่เสื่อมโทรมได้
ตามที่ Nath ระบุ โดยเขากล่าวว่า ในภูฏาน
โปรแกรมการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนจะจ่ายเงินประมาณ 49 เหรียญสหรัฐต่อเอเคอร์ให้แก่เกษตรกรที่เปลี่ยนที่ดินเสื่อมโทรมให้ไปเป็นพื้นที่แบบขั้นบันได
(terraced dry land)
เนื่องจากราคายางพาราที่ต่ำ
ผู้ปลูกยางพาราจำนวนมากเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น ไม้กฤษณา และหมาก ในอินเดีย Nath กล่าว
“การแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินจากป่าไม้เป็นการปลูกพืชอื่น
ๆ เป็นการเร่งการพังทลายและการสูญเสียคาร์บอนที่อยู่ในดิน” เขากล่าว
“หากแปลงปลูกยางพาราในปัจจุบันถูกเปลี่ยนไปเป็นการปลูกพืชทำเงินชนิดอื่น
ก็จะยิ่งเร่งกระบวนการสูญเสียคาร์บอน”
กลยุทธ์ที่ดีที่สุด ตามที่ Nath กล่าว คือการพัฒนาวนเกษตรยางพารา
“การส่งเสริมระบบวนเกษตรที่หลากหลาย
โดยที่ยางพารามีบทบาทสำคัญ แต่ไม่ได้ปลูกเป็นเชิงเดี่ยว อาจจะเป็นประโยชน์มากกว่า”
หนังสือ Rubber Plantations and Carbon
Management สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ที่ราคา 112.46 เหรียญสหรัฐ โดยหลังจากการพิมพ์ ราคาจะอยู่ที่ 149.95 เหรียญสหรัฐต่อเล่ม
ที่มา https://www.rubbernews.com/suppliers/book-outlines-rubbers-role-climate-change