ครม.อนุมัติทำเอฟทีเอ"ไทย-ยูเออี" ขยายการค้า 1.3 ล้านล้าน


"จุรินทร์" เผยคณะรัฐมนตรีอนุมัติทำเอฟทีเอ"ไทย-ยูเออี" ขยายมูลค่าการค้า 1.3 ล้านล้านบาท หลังใช้เวลาเพียง 21 วัน ส่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งเครื่องต่อให้เป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องความสำเร็จการเดินหน้าเริ่มต้นเจรจาขอตกลงการค้า เอฟทีเอ ระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี)

โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการทำ FTA ระหว่างไทยกับ UAE ที่คนไทยรู้จักว่าเมืองสำคัญคือดูไบ เกิดจากการที่ตนนำคณะกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน ไปเจรจากับรัฐบาล UAE เมื่อวันที่ 6-8 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่ง และตั้งใจจะทำให้เร็วที่สุด จึงนำเรื่องเข้า ครม.วันนี้

ขั้นตอนจากนี้ไปได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งประสานงานกับ UAE กำหนดวันประกาศร่วมกันอย่างเป็นทางการ นับหนึ่งการเปิดเจรจา ถือว่าเป็น FTA ที่เร็วที่สุดในโลกตั้งแต่ประเทศไทยทำมาฉบับหนึ่ง จะสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับการค้าการลงทุน และการส่งออกของไทย

UAE เป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้ากับไทยเป็นลำดับหนึ่งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยปี 2565 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1.3 ล้านล้านบาท เฉพาะ UAE มีมูลค่า 700,000 ล้านบาท จึงมีความสำคัญมาก การส่งสินค้าขายต่อไปภาษีจะเป็นศูนย์มีผลให้ UAE เป็นประตูการค้าของไทยสู่ตะวันออกกลาง ซึ่ง UAE เป็นสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) ที่ประกอบด้วย ประเทศกาตาร์ บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โอมาน และคูเวต จะได้รับการอำนวยความสะดวกต่างๆด้วย

"ประเทศไทยได้ประโยชน์มหาศาลจากการทำ FTA ครั้งนี้ และเมื่อประกาศนับหนึ่งการเจรจาอย่างเป็นทางการแล้ว ตนขอให้กระทรวงพาณิชย์ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เร่งจัดทำให้เร็วที่สุด ให้มีผลบังคับใช้เร็วที่สุดยิ่งเร็วเท่าไร ประเทศไทยก็ยิ่งได้ประโยชน์เร็วขึ้น ตัวเลขการส่งออกสร้างเงินให้ประเทศจะมากขึ้น"

สำหรับสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไป UAE เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศ อัญมณี เครื่องประดับ สมาร์ตโฟน ไฟเบอร์บอร์ด ยางนอก รถจักรยานยนต์ ปลาทูน่ากระป๋อง และข้าว เป็นต้น ส่วนไทยนำเข้าน้ำมันดิบ ปิโตรเลียม แก๊สธรรมชาติ อะลูมิเนียม ทองคำ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น

ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1055477


















28/02/2023