มิชลิน ขู่ 2 ปี งดสั่งซื้อยางพาราไทย หากไม่ทำมาตรฐานสวน


"มิชลิน" ขีดเส้น 2 ปี งดซื้อยางจากสวนไร้มาตรฐาน ขณะ กยท.เร่งยกเครื่องสวนยางสู่มาตรฐานสากลการจัดการสวนป่าที่ยั่งยืน FSC ตั้งเป้า 5 ปีพื้นที่ปลูกยางทั่วประเทศ 50% ต้องตรวจสอบย้อนกลับได้

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์มิชลิน เดินทางเข้าพบ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด และเสนอแนวทางการรับซื้อยางพาราจากประเทศไทย โดยระบุว่าอีกไม่เกิน 2 ปี มีความเสี่ยงที่ลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทผู้ใช้ยางในสหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น และหลายๆ ประเทศ อิเกียผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์จากสวีเดน หรือ มิชลิน ผู้ผลิตล้อยางจากฝรั่งเศส บริษัทผู้ผลิตยางล้อ จะไม่สามารถรับซื้อยางพาราที่ไม่ได้มาตรฐาน

ทั้งนี้ ยางพาราทั่วโลกกำลังจะต้องเผชิญความท้าทายอีกครั้ง เนื่องจากองค์การสหประชาชาติ และประเทศผู้ซื้อยาง และไม้ยางพารา กำหนดให้ประเทศผู้ผลิตน้ำยาง และไม้ยางพารา ต้องผ่านมาตรฐานสากลการจัดการสวนป่าที่ยั่งยืน หากประเทศผู้ส่งออกรายใดไม่ผ่านมาตรฐานนี้ มีความเสี่ยงที่ลูกค้ารายใหญ่ของโลกจะไม่ซื้อจึงเกิดขึ้น

ดังนั้น กยท.จะเร่งส่งเสริมชาวสวนยางให้ยกระดับสวยยางให้ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ เพื่อให้ชาวสวนขายยางได้ราคาสูง และมีความยั่งยืน

ผู้บริหารมิชลิน และผู้ผลิตยางล้อที่เข้ามาพบ กับ กยท.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่างเสนอรับซื้อยางพาราที่ได้มาตรฐานสากลในราคาสูงกว่าตลาดมาก แต่มีเงื่อนไขไทยต้องผลิตยางพารา ราคาที่ได้มาตรฐาน จำนวนมากเพียงพอ และสม่ำเสมอกับการป้อนโรงงานให้ได้ตามกำลังการผลิตที่ต้องการ

"มาตรฐานที่ผู้รับซื้อยางพาราจะยอมรับได้ต้องเป็นมาตรฐานสากล ได้แก่ มาตรฐานสากลการจัดการสวนป่าที่ยั่งยืนทั้ง Forest Stewardship Council (FSC) หรือ Program for the Endorsement of Forest Certification (PEFC)มาตรฐานที่กำหนดในประเทศผู้รับซื้อยางพารา จะถือเป็นอุปสรรค และข้อกีดกันทางการค้าก็ได้ หรือจะมองว่าเป็นโอกาสก็ได้ เพราะหากยางพาราสวนที่ได้รับมาตรฐานสากล ข้างต้น นอกจากจะส่งออกได้มากขึ้น ราคายังจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าราคายางปกติประมาณ 30-40%"

นายณกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ไทยผลิตยางพาราได้มาตรฐานสากลการจัดการสวนป่าที่ยั่งยืนทั้ง (FSC)ประมาณ 1 แสนไร่ จากพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งหมดทั่วประเทศประมาณ 20 ล้านไร่ จึงถือเป็นโอกาสที่ท้าทายมาก กยท.จึงได้เชิญเกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกร และผู้ส่งออกมาหารือถึงแนวโน้มและความต้องการยางพาราในตลาดโลก พร้อมกติกาใหม่ของผู้รับซื้อยางพารา โดยเฉพาะผู้ผลิตยางล้อของโลก ซึ่งทุกภาคส่วนยินดีที่จะร่วมพัฒนายางพาราของไทยให้ได้มาตรฐาน ตรวจสอบย้อนกลับได้ เพื่ออนาคตการส่งออก และราคาที่เพิ่มขึ้น

"กยท.ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนชาวสวนยาง ให้พัฒนายางพาราไทยให้ได้มาตรฐาน เตรียมดำเนินการสร้างแรงจูงใจให้กับชาวสวน เพื่อยกระดับสวนยางธรรมดาให้เป็นสวนยางได้มาตรฐาน FSC มีเป้าหมายดำเนินการยกระดับสวนยางให้ได้ มาตรฐาน FSC สัดส่วน 50% ของพื้นที่ปลูกยางทั่วประเทศ หรือประมาณ 10 ล้านไร่ เพื่อให้สามารถผลิตยางพารา ในปริมาณที่สม่ำเสมอให้กับผู้ซื้อ"

ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/environment/1041498


















06/12/2022