ฐานทัพอากาศ
Wright-Patterson, รัฐโอไฮโอ – ความสามารถของยางล้ออากาศยานที่สามารถทนต่อการลงจอดที่ความเร็วสูงเป็นประเด็นที่สำคัญต่อนักบินกองทัพอากาศในการกลับมาสู่พื้นดินหลังจากการบินปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์การสึกของยางล้ออากาศยานเป็นเรื่องที่ซับซ้อน
เป็นปรากฏการณ์ที่ใช้เวลา และขึ้นอยู่กับปัจจัยจำนวนมาก ในอดีต
ผู้ทดสอบจะโฟกัสกับความสมบูรณ์ทางโครงสร้างของยางล้อก่อนการใช้งาน อย่างไรก็ตาม
ความสามารถที่คาดการณ์ได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องในเรื่องการสึกของยางล้อยังคงเป็นความท้าทายในชุมชนโลจิสติกส์จนถึงตอนนี้
ที่ศูนย์ทดสอบอุปกรณ์การลงจอด
(Landing Gear Test
Facility) ฐานทัพอากาศ Wright-Patterson
รัฐโอไฮโอ วิศวกรได้พัฒนาความสามารถทางการทดสอบเฉพาะตัวรูปแบบใหม่ ที่สามารถระบุ
แยกลักษณะ และจำแนกประเภทการสึกหรอของยางล้อภายใต้สภาวะการใช้งานจริง
ซึ่งสามารถประหยัดเงินหลายพันเหรียญสหรัฐต่อตลอดอายุการใช้งานยางล้อหนึ่งเส้น
“ขีดความสามารถนี้ช่วยลดเวลาการพัฒนา
ลดต้นทุนตลอดอายุยางล้อ และลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้อย่างมากก่อนการผลิตและการใช้งานในพื้นที่จริง”
Gary Wollam ผู้อำนวยการสำนักงานนิรภัยและการรอดชีวิตทางอากาศยาน (Aerospace
Survivability and Safety Office) ของ 704th Test Group กล่าว “พวกเรารวมการใช้โมเดลทางดิจิทัล
การทดสอบและข้อมูลภาคสนามเข้าด้วยกัน เพื่อจำลองพื้นผิวของทางวิ่งและคาดการณ์พฤติกรรมของยางล้อในเวลาต่าง
ๆ ได้อย่างมีประสิทธิผล
นี่ช่วยพัฒนาด้านความปลอดภัยของยางล้อและสามารถระบุถึงประเด็นต่าง ๆ
ได้ก่อนทำการผลิตและใช้งานจริงในอากาศยาน” Missionized Tire Wear Testing ใช้ประโยชน์จากเลเซอร์เฉพาะทางและเทคโนโลยีการสแกนดิจิทัลที่มีไดนาโมมิเตอร์แบบดรัมภายใน
(internal drum dynamometer) ขนาด 168 นิ้ว
ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่ทำงานที่ความเร็ว 350 ไมล์ต่อชั่วโมง
และสามารถสร้างผลของแรงบิดเบรก (Brake torque) สำหรับทดสอบการสึกหรอของยางล้ออากาศยานได้หลายระดับ
พื้นผิวทางวิ่งแบบ 3D ที่จำลองขึ้นมาช่วยให้สามารถได้ข้อมูลทำนายการสึกหรอของยางล้อได้โดยอิงจากการทดสอบที่ใช้สภาวะภาคสนามที่สมจริง
ดังนั้นจึงสามารถระบุประเด็นที่เป็นไปได้และสามารถให้ข้อมูลสำหรับการปรับปรุงการออกแบบได้เร็วตั้งแต่กระบวนการผลิต
“ความสามารถที่จะเลียนแบบและจำลองพื้นผิวทางวิ่งแต่ละทางวิ่งเพื่อทดสอบปฏิสัมพันธ์กับยางล้อ
เป็นกุญแจสำคัญของขีดความสามารถนี้” Wollam กล่าว
“พวกเราสามารถตรวจสอบสภาวะการนำเครื่องขึ้น การแทกซี่ และการลงจอด
ด้วยข้อมูลที่นำไปสู่การระบุเงื่อนไขของการสึกหรอของยางล้อที่ดีขึ้นสำหรับการกำหนดคุณลักษณะของยางล้อในอนาคต”
Wollam
ได้ระบุถึงความสำเร็จจำนวนมากที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการทดสอบนี้
ข้อมูลจากการปฏิบัติการทดสอบการสึกหรอของยางล้อนี้ช่วยยืดอายุยางล้อสำหรับแต่ละแพลตฟอร์มจากประมาณ
2
ถึงกว่า 24 การลงจอดต่อหนึ่งยางล้อ
ด้วยคาดการณ์การประหยัดมากกว่า 6 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
เทคโนโลยีนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินของโปรแกรม KC-135
Life Cycle Cost Program
โดยเทคโนโลยีนี้ช่วยจำลองผลกระทบของการลงจอดในช่วงเวลา 3 ปี
ในยางล้อ 1 เส้น ได้ในช่วงเวลาน้อยกว่า 6 เดือน ข้อมูลที่รวบรวมคาดว่าจะส่งผลให้สามารถประหยัดต้นทุนได้ 1.2
ล้านเหรียญสหรัฐต่อยางล้อ 1
เส้นในทั้งฝูงบินในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ในระหว่างการสืบสวนอุบัติเหตุ T-38 ที่ผ่านมา
เครื่องมือนี้ถูกใช้เพื่อประเมินสภาวะการลงจอดแบบ cross-wind
ผู้ทดสอบสามารถจำลองสภาวะอุบัติเหตุและผลลัพธ์ได้อย่างถูกต้องในสภาพแวดล้อมการทดสอบภาคสนาม
นี่ทำให้ได้ข้อแนะนำทางกลวิธีใหม่สำหรับการลงจอดที่สามารถนำไปใช้งานในแบบฝึกหัดจำลองเพื่อการฝึก
ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของนักบินได้ “เทคโนโลยีแห่งยุคต่อไปนี้ได้ช่วยพวกเราเติมเต็มช่องว่างของการทดสอบ
ลดความเสี่ยงจากการทดสอบการบิน
และลดต้นทุนตลอดอายุใช้งานสำหรับกองบินของกระทรวงกลาโหม” Wollam กล่าว “นี่เป็นเพียงหนึ่งในขีดความสามารถที่เฉพาะตัวของพวกเรา
ในฐานะหน่วยงานทดสอบภาคสนามของอุปกรณ์การลงจอดแห่งกระทรวงกลาโหม พวกเราจะพัฒนานวัตกรรมและผลักดันเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยและความพร้อมของนักรบของพวกเรา”
ที่มา http://www.rubberworld.com/news.asp?id=29536