รัฐบาลติดตามผลการใช้ยางพาราของส่วนราชการ เร่งดูดซับปริมาณน้ำยางออกจากระบบเพื่อยกระดับราคา
วันที่ 4 มี.ค.63 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการส่งเสริมการใช้ยางหน่วยงานภาครัฐ ครั้งที่ 1 โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้ทำหน้าที่ประธานการประชุมการยางแห่งประเทศไทยรายงานต่อที่ประชุมว่า ในปีงบประมาณ 2563 ในภาพรวม ส่วนราชการมีเป้าหมายการใช้ยางพาราอยู่ที่ 90,378 ตัน งบประมาณ 45,537 ล้านบาท แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดดำเนินการใช้ยาง เพราะงบประมาณเบิกจ่ายล่าช้าไปหกเดือน ทั้งนี้ หน่วยงานที่จะมีการใช้ยางพารามากที่สุดคือ กระทรวงคมนาคม จำนวน 52,368 ตัน งบประมาณ 38,558 ล้านบาท นำมาใช้ทำถนนและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพจากประเทศเกาหลีใต้
นายเฉลิมชัย ได้กำชับที่ประชุมว่า รัฐบาลมีความตั้งใจเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราของหน่วยงานรัฐ และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 15 ตุลาคม ปีที่แล้ว ได้กำหนดเป้าหมายการใช้น้ำยางสดของภาครัฐ ปีละ 3.3 แสนตัน ในช่วงสามปีข้างหน้านี้ ดังนั้นทุกหน่วยงานจะต้องช่วยกันคิดและเสนอว่าจะใช้ยางพาราในโครงการใดได้เพิ่มเติมอีก โดยกำชับการยางแห่งประเทศไทยให้ต้องทำหน้าที่หลักในเรื่องนี้ รวมถึงให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางช่วยดูแลเรื่องการจัดสรรงบประมาณและการกำหนดราคากลางให้สอดคล้องกับเป้าหมายรัฐบาลด้วย มากไปกว่านั้นในเรื่องการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนยางพารา นายจุรินทร์ ได้มีประเด็นสั่งการให้การยางแห่งประเทศไทย เร่งปรับแก้ระเบียบการใช้เงินกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เพื่อสนับสนุนเกษตรกรในการปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นแทนการปลูกยาง
ส่วนผลกระทบจากไวรัสโควิด19 ในจีนต่อการส่งออกของไทยนั้น นางสาวรัชดา กล่าวว่าจีนเป็นประเทศผู้ซื้อยางรายใหญ่ของไทย การแพร่ระบาดของไวรัสจนถึงขั้นต้องปิดเมืองในช่วงต้นปีนั้น มีผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทย จากข้อมูลการยางแห่งประเทศไทยโรงงานผลิตหมอนและถุงมือยางพาราในหลายเมือง เช่น อู่ฮั่น ปิดดำเนินการ ท่าเรือก็ปิดทำให้การส่งออกต้องเลื่อนออกไป คาดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้ ในขณะเดียวกันก็มีข่าวดีว่ามีโรงงานผลิตล้อยางจากจีนจะมาตั้งโรงงานในไทยเนื่องจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ