จีนปิดประตูซื้อยางพาราชั่วคราว หลังไวรัสโคโรน่าระบาดหนัก โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปหยุดทำงาน “ฉุด” ตลาดยางพาราไทยร่วง 2 บาทกว่า/กก. ยางภาคใต้หันส่งออกตะวันออกกลาง
นายกัมปนาท วงศ์ชูวรรณ ผู้จัดการ กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ สถาบันเกษตรผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์ส่งออกยางรายใหญ่ภาคใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากภาวะโรคระบาดไวรัสโคโรน่าในประเทศจีน ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกยางพาราของไทยอย่างมาก เพราะทางประเทศจีนสั่งปิดโรงงานอุตสาหกรรมยางพาราลงชั่วคราว และยังไม่ทราบท่าทีว่าประเทศจีนจะเปิดตลาดเมื่อใด ทำให้คู่ค้าผู้ส่งออกและคู่ค้ารับมอบยางพาราต้องยุติการซื้อขายลงจนกว่าสถานการณ์โรคจะคลี่คลาย
“จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ยางพาราราคาลงมากว่า 2 บาท/กก. สำหรับราคายางพาราที่ส่งออกไปยังประเทศจีน ได้ขยับลงมาตั้งแต่ช่วงเทศกาลตรุษจีน และได้ส่งผลต่อเนื่องจากไวรัสโคโรน่าอีกระลอก สำหรับทิศทางราคายังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าจะอยู่ในระดับใด”
นายกัมปนาทกล่าวต่อไปว่า สำหรับในกลุ่มตนปริมาณออร์เดอร์เป็นจำนวนมากต้องยุติการส่งออกไปยังคู่ค้าประเทศจีนเช่นกัน เพราะรับส่งมอบแล้วไม่มีคนทำงาน เพราะโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางในประเทศจีนหยุดทำงาน แต่ในกลุ่มยังมีตลาดรองรับอยู่ คือกลุ่มประเทศตะวันออกกลางรวมปริมาณหลายร้อยตัน รวมถึงการส่งออกไปประเทศมาเลเซียด้วย
“กลุ่มผมยังดีมีตลาดอื่นรองรับ ตอนนี้มีออร์เดอร์ส่งออกคราวละประมาณ 400-500 ตันไปตลาดประเทศตะวันออกกลาง ยางพารามีทิศทางที่ดีและเป็นตลาดที่ใหญ่ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะต้องทำการตลาดเอาไว้เพราะตลาดกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจะไปได้ดี”
นายกัมปนาทกล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์ยางพาราไทยขณะนี้ถือว่าขาดแคลน เพราะเกิดภาวะแห้งแล้ง อีกทั้งทางภาคใต้เกิดโรคระบาดยางใบร่วง คุณภาพน้ำยางปริมาณน้อยลง ขณะที่ทางภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ใกล้จะปิดหน้ากรีดยาง ต้องยุติการกรีดลง คาดการณ์ภาพรวมปริมาณยางพาราปีนี้จะหดหายไปจากตลาดมาก
สำหรับราคายางรมควัน 42.24 บาท/กก. ยางแผ่นดิบ 40 บาทเศษ/กก. ราคาขยับลงกว่า 2 บาท/กก. ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 31.22 บาท/เหรียญ และเงินริงกิตขยับมาเป็น 7.60 บาท/ริงกิต แต่ปริวรรตเงินตรากลับดีขึ้น ส่วนสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มสถาบันเกษตรกร เช่น สหกรณ์ยางพารา กลุ่มวิสาหกิจชุมชนยางพารา และกลุ่มยางพารา ต้องดำเนินกิจการยางพาราอย่างมีกลยุทธ์
การที่นำน้ำยางสดมาแปรรูปเป็นยางรมควันจะมีภาวะเสี่ยงมาก เพราะจะรมควันยางพารากว่าจะได้ตามคุณภาพที่กำหนด และนำขายออกสู่ตลาดราคาก็เปลี่ยนแปลง จะประสบภาวะขาดทุนได้จึงมีการเปลี่ยนแปลงเป็นการซื้อขายน้ำยางสดวันต่อวัน ที่เหลือแปรรูปรมควันส่งขายตามออร์เดอร์ ได้ราคาดีสามารถป้องกันความเสี่ยงได้