กลุ่มอุตสาหกรรมถุงมือยางพาราของมาเลเซีย คาดว่าจะมีกำไรจากการอ่อนตัวของเงินริงกิต


บริษัท Affin Hwang Capital (Affin Hwang) ซึ่งเป็นเครือธนาคารเพื่อการลงทุนที่ตั้งอยู่ในมาเลเซีย ได้ให้คำแนะนำว่า ความต้องการที่ลดลงสำหรับถุงมือจากมาเลเซียเกิดมาจากการนำเข้าถุงมือจากจีนไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และเน้นย้ำถึงความท้าทายบางประการที่จำกัดความสามารถของผู้ผลิตถุงมือยางภายในประเทศในการขึ้นราคาขายสินค้า ซึ่งคือ การรับรู้ถึงมูลค่าที่ต่างกันระหว่างถุงมือยางและถุงมือไนไตรท การผลิตเกินกำลัง และความล่าช้าด้านเวลาในการกำหนดราคา

ผู้บริหารของบริษัทผลิตถุงมือยางของมาเลเซีย 2 แห่ง คือ Top Glove และ Supermax ให้ความเห็นว่า กำไรที่ต่ำเกิดเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาน้ำยาง ซึ่งบริษัทไม่สามารถทำการส่งต่อต้นทุนไปสู่การเพิ่มราคาขายได้อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม Affin Hwang เชื่อว่า แรงกัดดันต่อการขึ้นราคาขายถุงมือยางได้ผ่อนคลายไปแล้ว ด้วยว่าราคาน้ำยางได้ตกลง 13% ไปที่ 437.6 ริงกิตต่อกิโลกรัม จากจุดสูงสุดในไตรมาสที่ 2 ปี 2019

ผู้ผลิตถุงมือยางได้เริ่มขึ้นราคาขายเพื่อส่งต่อต้นทุกที่เพิ่มขึ้น “ผู้ผลิตของมาเลเซียต้องการที่จะชะลอหรือลดกำลังผลิตเพื่อรักษาราคาขายให้คงที่ไว้” ตามข้อมูลจาก Affin Hwang ซึ่งได้กล่าวอีกว่า ค่าเงินริงกิตที่อ่อนลงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตถุงมือยางพารา โดยได้ประมาณว่า สำหรับผู้ผลิตถุงมือยางที่บริษัทดูแลอยู่นั้น ในทุก ๆ 1% ของการอ่อนค่าลงของเงินริงกิตจะเพิ่มกำไรสุทธิได้ 0.3-0.8% ในปี 2019

 

ที่มา http://rubberjournalasia.com/malaysian-rubber-gloves-sector-to-see-profit-with-weak-ringgit/

 

 



















20/09/2019