ตลาดยางล้อยานยนต์ทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 645 พันล้านเหรียญสหรัฐภายปี 2027


ปูเน่, อินเดีย ตามข้อมูลจาก Future Market Insights คาดว่าตลาดยางล้อยานยนต์ทั่วโลกจะเติบโตในอัตราที่แข็งแกร่งในระหว่างช่วงที่คาดการณ์ โดยจะมี CAGR ที่ 6.3% ในระหว่าง 2017-2027 และคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 645 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นสุดปี 2027

กลุ่มรถยนต์นั่งคาดว่าจะเป็นผู้นำในตลาดโลกในด้านอัตราการเติบโตและส่วนแบ่งตลาด โดยคาดว่ากลุ่มนี้จะเติบโตในระดับ CAGR ที่สูงที่ 6.8% ในตลอดช่วงที่คาดการณ์ ในด้านกลุ่มยานพาหนะเชิงพาณิชย์ยังมีศักยภาพสูง และคาดว่าจะโตที่ CAGR 6.1% ในระหว่างช่วงที่ทำการประเมิน โดยภายในกลุ่มนี้ มีกลุ่มยานพาหนะเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูงและคาดว่าจะมีมูลค่า 102.7 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปี 2027 

เมื่อแบ่งตามโครงสร้างยางล้อ กลุ่มยางล้อเรเดียลคาดว่าจะมีมูลค่า 550.2 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปี 2027 และคาดว่าจะเติบโตในอัตราที่แข็งแกร่งในระหว่างช่วง 2017-2027

เมื่อแบ่งตามช่องทางการขาย กลุ่ม OEM สะท้อนอัตราการเติบโตที่สูงกว่าในช่วงที่คาดการณ์ อย่างไรก็ดี กลุ่มตลาดหลังการขายคาดว่าจะแสดงมูลค่าการตลาดที่สูงภายในสิ้นปีที่ทำการคาดการณ์ กลุ่ม OEM คาดว่าจะเติบโตที่ CAGR ที่ 6.4% ในระหว่างช่วง 2017-2027

เมื่อแบ่งตามภูมิภาค ภูมิภาค Asia Pacific excluding Japan (APEJ) และภูมิภาคยุโรปตะวันตกคาดว่าจะเติบโตที่อัตราเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่า APEJ จะเป็นผู้นำในตลาดโลกในด้านส่วนแบ่งการตลาดที่สูงภายในสิ้นปี 2027 ด้วยคาดว่าจะมีมูลค่าที่ประมาณ 194 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปีที่คาดการณ์

รายงานการวิจัยตลาดยางล้อยานยนต์ทั่วโลก ได้วิเคราะห์ผู้เล่นสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับยางล้อ โดย Continental AG, Bridgestone Corp., Michelin, Goodyear Tire And Rubber Company, Pirelli & C. S.P.A, Yokohama Rubber Company, Limited, Cheng Shin Rubber Industries, Sumitomo Rubber Industries Ltd., Toyo Tire & Rubber Company, Trelleborg AB, Cooper Tire & Rubber Company, Hankook Tire, Madras Rubber Factory Limited, Kumho Tire Co. Inc., Apollo Tyres Ltd., Sailun Tires Ltd., Shandong Linglong Tyre, Nokian Renkaat Ojy, Titan Tire Corporation และ Nexen Tire America Inc. ถือเป็นบริษัทสำคัญที่อยู่ในรายงานการวิจัยตลาดยางล้อยานยนต์ทั่วโลกดังกล่าว

 

ที่มา http://www.rubberworld.com/news.asp?id=28371



















14/08/2019