กัวลาลัมเปอร์ (18 มิถุนายน): บริษัท
Top Glove Corporation Bhd เชื่อว่า
การจำกัดการส่งออกยางพาราโดยผู้ผลิตยางพารารายหลักของโลก
ซึ่งเริ่มไปเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ จะไม่มีผลเพิ่มราคาโภคภัณฑ์นี้ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
Tan
Sri Lim Wee Chai ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร กล่าวว่า
เนื่องจากในปัจจุบันราคาน้ำยางพาราธรรมชาติไปถึงจุดราคาสมเหตุสมผลที่ประมาณ
5 ริงกิตมาเลเซียต่อ กก. เพิ่มขึ้นกว่า 40%
จาก 3.50 ริงกิตมาเลเซียต่อ กก. เมื่อปลายปี 2018
เขากล่าวว่า
การจำกัดปริมาณเพื่อเพิ่มราคาอาจมีประสิทธิผลหากราคายางพาราต่ำอยู่ ด้วยว่าประเทศผู้ผลิตยางพาราอื่น
ๆ เช่น เวียดนาม กัมพูชา อินเดีย ศรีลังกา และจีน จะได้รับประโยชน์จากราคาที่ดีในปัจจุบันโดยเพิ่มการผลิตและการส่งออก
“สำหรับพวกเรา แม้เมื่อพวกเขาผลักดันราคายางพาราให้เพิ่มขึ้น
พวกเราก็ยังสามารถปรับราคาขายภายในเวลา 2 เดือน” เขากล่าวผ่านการแถลงผลประกอบการไตรมาส
3 ของปีงบประมาณ ซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อ 31 พฤษภาคม 2018 (3Q 2019) ของบริษัท ในวันนี้
มีการรายงานว่า ผู้ผลิตรายสำคัญของโลก — ประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย —
ตกลงที่จะลดการส่งออกยางพารา 240,000 ตัน
จากเดือนเมษายนถึงกรกฎาคมในปีนี้ เพื่อที่จะกระตุ้นการเพิ่มราคาของโภคภัณฑ์ดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน ความต้องการถุงมือไวนิลคาดว่าจะลดลง
เนื่องจากอุปทานส่วนเกินจากประเทศจีนจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ด้วยการส่งออกถุงมือไวนิลของจีนคิดเป็นกว่า
50% ของการส่งออกทั้งโลก
เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับบริษัท Lim กล่าวว่า Top Glove
ได้ขยายการผลิตถุงมือไวนิลไปยังประเทศเวียดนาม ที่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าอย่างมาก
และยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการส่งออกจากเวียดนามไปยังสหรัฐฯ และยุโรป
“โรงงานยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
และคาดว่าจะดำเนินการได้เต็มรูปแบบในปลายปี 2020” เขากล่าว
นาย Lime กล่าวว่า
บริษัทจะเดินหน้าขยายการดำเนินงานเพื่อรอรับความต้องการถุงมือในระดับโลก
ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 10% ต่อปี
เขายังคาดว่า บริษัทจะมีกำไรที่ดีขึ้นใน
4Q 2019 ด้วยบริษัทปรับราคาขายถุงมือเฉลี่ยของบริษัท
“ผลกระทบจะสะท้อนออกมาในไตรมาสหน้า
เนื่องจากความเหลื่อมเวลาในกลไกการส่งผ่านต้นทุน” เขากล่าว
ในการยื่นเอกสารต่อ Bursa
Malaysia วันนี้ ผู้ผลิตถึงมือรายใหญ่ที่สุดของโลกกล่าวว่า
มีการบันทึกกำไรลดลง ที่ 74.66 ล้านริงกิตมาเลเซีย สำหรับ 3Q
2019 ซึ่งลดลงจาก 117.57 ล้านริงกิตมาเลเซีย
ใน 3Q 2018
ซึ่งเกิดจากการขึ้นราคาอย่างรวดเร็วของน้ำยางพาราธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม รายรับของบริษัทขึ้นไปถึง 1.19 พันล้านริงกิตมาเลเซีย จาก 1.10 พันล้านริงกิตมาเลเซีย
เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น
เมื่อปิดตลาดหุ้น หุ้นของบริษัท Top
Glove ราคาลดลง 2.6% หรือ 13 sen ไปที่ 4.87 ริงกิตมาเลเซีย ด้วยปริมาณการซื้อขายหุ้น
15.47 ล้านหุ้น— Bernama
ที่มา https://globalrubbermarkets.com/164211/rubber-export-curb-wont-significantly-prop-up-price-says-top-glove.html