พนมเปญ กัมพูชา –
การส่งออกยางพาราของประเทศกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ในไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ในขณะที่ราคายางพารายังคงลดลง ข้อมูลตามตัวเลขจากอธิบดีการยาง
ภายใต้กระทรวงการเกษตร ป่าไม้ และประมง ข้อมูลกล่าวว่า กัมพูชาส่งออกยางพารา 48,192 ตัน ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 1,279 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งลดลงร้อยละ 12
จากราคาและปริมาณการส่งออก
อุตสาหกรรมยางพาราสร้างรายได้ที่ 61 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปีนี้
Men Sopheak ประธานสมาคมสำหรับการพัฒนายางพาราแห่งกัมพูชา (Association
for Rubber Development of Cambodia: ARDC) กล่าวว่า การส่งออกที่เพิ่มขึ้นเกิดเนื่องจากผลผลิตยางพาราและความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น
“จำนวนต้นยางพาราที่โตเต็มที่กำลังเพิ่มขึ้น
ดังนั้นจึงจะส่งผลให้มีผลผลิตมากขึ้นสำหรับการส่งออก” โดยกล่าวต่ออีกว่า “แม้ราคาจะกำลังลดลง
พวกเรา [ผู้ผลิตยางพารา] และเกษตรกรยังคงต้องการขายสินค้าในคลังเพื่อนำไปจ่ายคืนต้นทุนการผลิต”
Pol Sopha
อธิบดีการยาง
กล่าวว่าเศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวและความผันผวนของราคายางพาราขึ้นอยู่กับตลาดระหว่างประเทศ
“หากราคายังคงลดลงต่ำต่อไป จะเป็นความยากสำหรับผู้ผลิตยางพาราและเกษตรกร
โดยในขณะนี้ ราคายังไม่เป็นที่พึงพอใจสำหรับอุตสาหกรรม แต่ยังคงพอใช้ได้สำหรับสวนยางพาราที่ครอบครองโดยครอบครัวเกษตรกรเอง”
พร้อมกล่าวเสริมว่าต้นทุนแรงงานก็ยังคงเป็นความท้าทาย อย่างไรก็ดี Sopha เสริมว่า
ยางพารายังคงเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีศักยภาพมากเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น
“เพื่อให้ภาคส่วนยางพารามีความยั่งยืน พวกเราจำเป็นต้องมีโรงงานเพื่อใช้วัตถุดิบในกระบวนการผลิตให้เป็นผลิตภัณฑ์สุดท้าย
ซึ่งจะช่วยภาคส่วนยางพาราและประเทศอย่างมาก” เขากล่าว โดยกล่าวต่ออีกว่า ตลาดปลายทางหลักสำหรับการส่งออกคือเวียดนาม
มาเลเซีย จีน และสิงคโปร์ คณะกรรมาธิการเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (Council for
the Development of Cambodia: CDC) ได้ประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่า
คณะกรรมาธิการได้อนุมัติโรงงานเพื่อดำเนินกระบวนการผลิตยางพารามูลค่า 2.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ในจังหวัด Tbong Khmum กัมพูชาส่งออกยางแห้ง
217,500 ตันในปีที่ผ่านมา เพิ่มจากปี ค.ศ. 2017 ประมาณร้อยละ 15 โดยมีราคาเฉลี่ยที่ 1,319 เหรียญสหรัฐต่อตัน Sopheak ประธาน ARDC กล่าวว่า ราคายางพาราไม่น่าจะสูงขึ้น
ในขณะที่อุปทานในระดับโลกยังคงเพิ่มขึ้นและความต้องการลดต่ำลง เขากล่าวว่า
ราคายางแห้งต้องอยู่ที่อย่างน้อย 1,500 ถึง 1,600 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพื่อที่จะให้อุตสาหกรรมนี้ยังคงทำกำไรได้
ที่มา http://www.rubberworld.com/news.asp?id=28002