สมัครสมาชิก
เข้าสู่ระบบ
ผู้ประกอบการ
ผู้ประกอบการ
แยกตามประเภทกิจการ
แยกตามผลิตภัณฑ์
ผลิตและจำหน่าย
การผลิต
การจำหน่ายตามกลุ่มผลิตภัณฑ์
การจำหน่ายของผู้ประกอบการส่งออก
การจำหน่ายตามกลุ่มผลิตภัณฑ์(New)
การจำหน่ายของผู้ประกอบการส่งออก(New)
สถิติการค้า
สถิติการค้าไทย
สถิตินำเข้า
สถิตินำเข้ารายผลิตภัณฑ์
สถิติส่งออก
สถิติส่งออกรายผลิตภัณฑ์
สถิติการค้าสากล
Supply & Demand
สถิตินำเข้าสากล
สถิติส่งออกสากล
ราคายาง
ยางธรรมชาติ(ในประเทศ)
ยางธรรมชาติ(ต่างประเทศ)
ยางสังเคราะห์ (CIF Bangkok)
ข่าวสาร
เศรษฐกิจ
เทคโนโลยี
กฏระเบียบมาตรฐาน
มาตรการการค้า
นโยบาย
ไม้ยางและผลิตภัณฑ์จากไม้
คลังความรู้
เทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง
เทคโนโลยีการผลิตและแปรรูปไม้
Supply Chain
รายงาน
สถานการณ์รายเดือน
สถานการณ์รายไตรมาส
สถานการณ์รายปี
บทวิเคราะห์
รายงานการศึกษาเชิงลึก
Executive Summary
มาตรการ
มาตรการทางการค้า
กฎ ระเบียบ และนโยบาย
ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.คาดราคาข้าว-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-ยางพาราเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น ส่วนมันสำปะหลัง-ปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มลดลง
Subheading
นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนธันวาคม 2561 ว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส.คาดการณ์ว่าราคาสินค้าเกษตรที่เป็นพืชหลักสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ราคาจะเพิ่มขึ้น 0.06-0.16% จากเดือนก่อน โดยอยู่ที่ราคา 7,975-7,983 บาท/ตัน เพราะมีความต้องการจากผู้ประกอบการเพื่อทำการส่งมอบสินค้าให้กับประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
ข้าวเปลือกหอมมะลิ จะเพิ่มขึ้น 0.73-5.83% จากเดือนก่อน อยู่ที่ราคา 15,614-16,404 บาท/ตัน เนื่องจากนโยบายในการรักษาเสถียรภาพราคาของภาครัฐและสต็อกข้าวของผู้ส่งออกข้าวลดลง จึงเร่งซื้อข้าวหอมมะลิที่กำลังออกสู่ตลาดเพื่อส่งออกให้กับผู้ซื้อต่างประเทศ
ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาเพิ่มขึ้น 1.26-2.82% จากเดือนก่อน อยู่ที่ราคา 9,335-9,479 บาท/ตัน เนื่อง
จากนโยบายในการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวของภาครัฐ
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาจะเพิ่มขึ้น 0.5-1.5% จากเดือนก่อน อยู่ที่ราคา 8.28-8.36 บาท/กก. เนื่องจากสิ้นสุดช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รุ่น 1 ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ขณะที่ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
น้ำตาลทรายดิบ คาดว่า ราคาเฉลี่ยตลาดนิวยอร์กจะเพิ่มขึ้น 1.00-4.00% จากเดือนก่อน อยู่ที่ราคา 12.81-13.20 เซนต์/ปอนด์ (9.33-9.61 บาท/กก.) เนื่องจากรายงานผลผลิตน้ำตาลของบราซิลลดลง และคาดการณ์ว่าอินเดียอาจผลิตน้ำตาลได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมจากภาวะความแห้งแล้ง ประกอบกับอินเดียได้มีแผนจะส่งออกน้ำตาลทรายดิบไปจีนในปี 2562 จำนวน 2 ล้านตัน ส่งผลให้ปริมาณสต็อกน้ำตาลทรายในตลาดโลกลดลงไปบางส่วน
ยางพารา คาดว่า ราคายางพาราแผ่นดิบที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้น 4.33-6.83% จากเดือนก่อน อยู่ที่ราคา 39.24-40.18 บาท/กก. โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการแก้ปัญหาราคายางของภาครัฐที่ลดพึ่งพาการส่งออกและเพิ่มสัดส่วนการใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้น
สุกร คาดว่า ราคาจะเพิ่มขึ้น 0.50–3.00% จากเดือนก่อน อยู่ที่ราคา 60.50–62.00 บาท/กก. เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มมากขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่และประชาชนเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นในช่วงวันหยุดยาวสิ้นปี แม้ว่าสภาพอากาศที่เย็นลงจะเอื้ออำนวยให้สุกรเจริญเติบโตดีและอาจทำให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดมากขึ้น
กุ้งขาวแวนนาไม คาดว่า ราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.25-3.00% จากเดือนก่อน อยู่ที่ราคา 134.04-137.72 บาท/กก.
เนื่องจากความต้องการในการบริโภคเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวและเทศกาลปีใหม่ ประกอบกับเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย
ส่วนสินค้าเกษตรที่จะมีราคาลดลง ได้แก่ มันสำปะหลัง คาดว่า จะลดลง 0.40-4.07% จากเดือนก่อน อยู่ที่ราคา 2.36-2.45 บาท/กก. เนื่องจากมีผลผลิตมันสำปะหลังทยอยออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว แต่ระดับราคามันสำปะหลังยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
และปาล์มน้ำมัน คาดว่า จะลดลง 1.07 – 2.85% จากเดือนก่อน อยู่ที่ราคา 2.62 - 2.67 บาท/กก. เนื่องจากภาวะการส่งออกที่ชะลอตัวจากการค้าน้ำมันปาล์มโลกที่ซบเซาและการคาดการณ์ปริมาณผลผลิตปาล์มทะลายที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวออกสู่ตลาดยังเกินความต้องการใช้ปาล์มน้ำมันทั้งภายในประเทศและการส่งออก ทำให้สต็อกน้ำมันปาล์มดิบยังสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดันราคาที่เกษตรกรได้รับให้ลดลง
ที่มา :
https://www.ryt9.com/s/iq03/2926995?fbclid=IwAR1YDqHaB9cbTJuoNK8TmgJa6dlhbvhSi_LtiSmfl9NSAv13YMSMueNxICs
11/12/2018