รัฐมนตรีเกษตรฯอ้อนนายกท้องถิ่นขอช่วยซื้อยางไปทำถนน!


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าได้สั่งการด่วนที่สุด เรื่อง  การเร่งรัดประสานงานกับองค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) เพื่อสนับสนุนโครงการทำถนนงานดินซีเมนต์ผสมยางพาราในตำบล หมู่บ้าน ตามที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำด้วยมาตรการสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐใช้ยางพาราไปดำเนินการตามโครงการต่างๆ เช่นทำถนน สนามกีฬา อุปกรณ์เครื่องนอน เป็นต้น  เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวข้างต้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลให้นโยบายการแก้ไขปัญหายางพาราราคาตกต่ำของรัฐบาลประสบผลสำเร็จ จึงขอให้ดำเนินการดังนี้

“ขอให้มอบหมายเกษตรและสหกรณ์จังหวัดร่วมกับผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)จังหวัดทุกจังหวัด เป็นหน่วยงานกลางประจำพื้นที่พร้อมทั้งรับผิดชอบในการอำนวยการและประสานงานกับท้องถิ่นจังหวัดและผู้บริหารองค์กรปกครองทุกถิ่นทุกแห่งในจังหวัดเพื่อขอรับการสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการทำถนนงานยางพาราแอสฟัลต์ติกคอนกรีต (Para-Asphaltic) หรือ ถนนงานดินซีเมนต์ผสมยางพารา (Para Soil Cement) ในพื้นที่องค์กรปกครองท้องถิ่นของแต่ละจังหวัด ทั้งนี้ ให้ กยท.จัดเตรียมเอกสารรายละเอียดและระเบียบของทางราชการที่เกี่ยวกับโครงการดังกล่าว เช่นรูปแบบ ประมาณการโครงสร้างถนน ประกาศราคากลางของกระทรวงการคลัง สูตรผสมยางพาราที่ใช้สำหรับทำถนน ส่งให้ กยท.จังหวัด เพื่อมอบหรือชี้แจงรายละเอียดให้ ผวจ.และผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่นทราบโดยให้พิจารณาใช้งบประมาณจ่ายขาดเงินสะสมของแต่ละ อปท.มาใช้ในการดำเนินงานหรืองบประมาณอื่นๆตามที่เห็นสมควร

นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ขอให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดได้นำผอ.กยท.จังหวัดไปแนะนำตนเอง กับผู้ว่าราชการจังหวัดหรือ รองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับมอบหมายเพื่อขอหารือว่าสมควรที่เรียกประชุมผู้บริหาร อปท.ทุกแห่งในจังหวัดเพื่อชี้แจงให้ อปท.ได้สนับสนุนโครงการทำถนนด้วยยางพาราหรือไม่ หาก ผวจ.เห็นควรให้มีการประชุมหรือมีการนำเรื่องโครงการทำถนนด้วยการผสมยางพาราดังกล่าวข้างต้นไปชี้แจงในที่ประชุมกรมการจังหวัด หรือที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดก็ให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดร่วมกับผู้อำนวยการกยท.จังหวัดและท้องถิ่นจังหวัดดำเนินการจัดประชุมด้วย

ทั้งนี้ขอให้ชี้แจงต่อที่ประชุมด้วยว่า หาก อปท.ทุกแห่งได้สนับสนุนให้มีการทำถนนภายในหมู่บ้านทุกหมู่บ้านหรือชุมชนทั่วประเทศทั้ง 80,000 หมู่บ้าน/ชุมชน ด้วยถนนงานดินซีเมนต์ผสมยางพารา (Para Soil Cement) หมู่บ้านละอย่างน้อย 1 กิโลเมตรก็จะต้องใช้น้ำยางพาราไม่น้อยกว่า 960,000 ตัน (1ก.ม.ใช้นำน้ำยางพาราจำนวน 12 ตัน) จะทำให้มีการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มขึ้น (Demand) อย่างมีนัยยะซึ่งจะส่งผลให้ราคายางพาราสูงขึ้นตามเป้าหมาย ประการสำคัญเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย  จึงขอให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บริหาร อปท.ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมด้วย

“ขอให้ กยท ส่วนกลางวางระบบบริหารจัดการเพื่อนำยางพาราของเกษตรกรไปสู่กระบวนการผลิตเป็นถนนยางพารา และสั่งการ ผอ.กยท. สาขาอำเภอได้ไปขอความร่วมมือเกษตรอำเภอเพื่อช่วยประสานงานกับกลุ่มเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรที่ประสงค์จะขายนำยางพาราของเกษตรกรให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่นเพื่อรวบรายชื่อ/สถานที่ขายน้ำยางพาราและการทำหนังสือรับรองกลุ่มเกษตรกรและหรือสถานบันเกษตรกรที่ประสงค์จะขายน้ำยางพาราไปทำถนนหรือสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ให้เรียบร้อยทั้งนี้ต้องประชาสัมพันธ์ให้ทั้งกลุ่มเกษตรกรและผู้บริหาร อปท.ทราบโดยทั่วกันด้วย

ในพื้นที่จังหวัดที่ไม่มีสำนักงาน กยท. จังหวัดหรือมีแต่การดำเนินการมีปัญหาอุปสรรคต่างๆเกิดขึ้นให้ ปลัดเกษตรและรักษาการผู้ว่า กยท.ได้สั่งการให้มีข้าราชการหรือพนักงาน กยท.จากจังหวัดอื่นๆหรือส่วนกลางไปเสริมกำลังหรือแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อยโดยเร็วด้วย ในส่วนกลางขอให้ ปลัดเกษตร และ รักษาการผู้ว่า กยท. ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำเฉพาะกิจประจำกระทรวงเกษตรฯ ไว้ด้วยโดยให้มอบหมายรองปลัดกระทรวงหรือผู้ตรวจเกษตร พร้อมทั้ง รองผู้ว่า กยท.เป็นหัวหน้าและรองหัวหน้าศูนย์ฯ และให้สั่งเจ้าหน้าที่มาปฎิบัติงานประจำศูนย์ฯไว้ด้วย เพื่อประสานงานกับหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งติดตามและสนับสนุนการดำเนินงานในระดับจังหวัดหรือพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ให้รายงานความก้าวหน้าเป็นประจำรวมทั้งให้มอบหมายผู้ตรวจเกษตรทุกพื้นที่ออกไปตรวจติดตามการปฎิบัติงานตามขั้นตอนของการสั่งการในครั้งนี้เพื่อรายงานความก้าวหน้าให้ศูนย์อำนวยการฯทราบด้วย

อย่างไรก็ตามโยบายการแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำนั้น เป็นช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและประชาชนซึ่งเป็นภารกิจและหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามกฎหมายที่กำหนดไว้แล้ว จึงขอให้ข้าราชการรวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจในสังกัด กษ.และผู้เกี่ยวข้องได้ให้ความใส่ใจ ทุ่มเทและเร่งรัดการปฎิบัติงานให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็วด้วย หากมีปัญหา อุปสรรคที่เกินขีดความสามารถของข้าราชการฝ่ายประจำให้รีบรายงานรัฐมนตรีทราบเพื่อแก้ไขปัญหาโดยด่วนที่สุดและหากเกิดความบกพร่องจากการไม่ตั้งใจและไม่ทุ่มเทการปฎิบัติงานครั้งนี้ของข้าราชการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจรายใด ก็จะให้ดำเนินการทางวินัยตามระเบียบ กฎหมาย โดยเฉียบขาดต่อไป

ที่มา : http://www.thansettakij.com/content/351505?fbclid=IwAR2y-7j_meZUyRY1u51g6scd_HEBIsa4BpmjVBwBpNI9J3_a4tz6G6wNnDU



















22/11/2018