ตลาดยางสังเคราะห์ทั่วโลก คาดว่าจะมีปริมาณ 21.2 ล้านเมตริกตัน ไปจนถึงปี 2024


กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ จากรายงานล่าสุดของ ResearchandMarkets.com ตลาดยางสังเคราะห์ทั่วโลก คาดว่าจะมีปริมาณ 21.2 ล้านเมตริกตัน ไปจนถึงปี 2024 ซึ่งกระตุ้นโดยความต้องการยางล้อในตลาด OEM และตลาดอะไหล่ อีกทั้งความต้องการยางสังเคราะห์สำหรับอุตสาหกรรมรองเท้าและก่อสร้างก็คาดว่าจะกระตุ้นการเติบโตของตลาดเช่นกัน

ยางสังเคราะห์เป็นคอมพาวนด์ทางเคมีที่ซับซ้อน ที่ได้จากกระบวนการ polymerization ของโมโนเมอร์จากปิโตรเลียม โดยปกติ โมโนเมอร์ที่ใช้คือ butadiene, acrylonitrile, isobutene, isoprene, ethylene, styrol, chlorobutadiene รวมทั้งสารเคมีอื่นๆ อีลาสโตเมอร์สังเคราะห์มีจำหน่ายกว่า 200 ชนิด ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ butadiene rubber (BR), styrene butadiene rubber (SBR), acrylonitrile butadiene rubber (NBR) และ ethylene propylene rubber ยางสังเคราะห์ยังคงมีสัดส่วนสำคัญในตลาดยางทั่วโลก โดยยางที่ใช้ทั่วไป เช่น SBR, BR และ polyisoprene rubber มีสัดส่วนสำคัญของความต้องการ

คุณสมบัติของยางสังเคราะห์ ได้แก่ การทนทานต่อน้ำมัน ความยืดหยุ่น ความคงทน และการป้องกันน้ำ จึงทำให้มีการใช้ยางสังเคราะห์มากขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์และการขนส่ง การก่อสร้าง รองเท้า เป็นต้น ตลาดยางสังเคราะห์ทั่วโลกยังคงได้รับแรงกระตุ้นความต้องการที่เพิ่มขึ้นของยางที่คงทน โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่งที่กำลังขยายตัว ตลาดยังได้รับประโยชน์จากการเป็นเมืองและการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว การเพิ่มขึ้นของประชากรที่มีรายได้สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง ต่างก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าผู้บริโภคต่างๆ ยางล้อในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นสาขาที่สำคัญที่สุดของความต้องการยางสังเคราะห์ โดยยางสังเคราะห์มีสัดส่วนประมาณสองในสามของยางสังเคราะห์ทั้งหมดที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และที่เกี่ยวข้องกับยางล้อ ตลาดยางล้อนั้นพึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างสูง และอุตสาหกรรมยานยนต์ก็เป็นดัชนีชี้วัดความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจทั่วไปของประเทศใดๆ

การจำหน่ายยางล้อทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยางสังเคราะห์มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นของยางล้อพรีเมี่ยมและยางล้อชนิดพิเศษที่มีความเร็วสูง แรงต้านทานการหมุนของล้อต่ำ ความเป็นฉนวนสูงเพื่อลดเสียงจากถนน การบุมากขึ้น และร่องดอกยางและลายดอกยางเชิงนวัตกรรม ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นความต้องการของยางสังเคราะห์  ในขณะที่การใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และที่เกี่ยวข้องกับยางล้อ จะยังคงเติบโตต่อไป การใช้ที่ไม่ใช่ยางก็คาดว่าจะเปิดโอกาสสำหรับการเติบโตของตลาดยางสังเคราะห์ ส่วนใหญ่เป็นเพระการใช้อีลาสโตเมอร์ที่เพิ่มขึ้น เช่น polychloroprene, nitrile และ ethylene-propylene ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สายพาน สายยาง ถุงมือและปะเก็น

เอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุด และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีเร็วที่สุด คือ 5.4% ในช่วงเวลาการวิเคราะห์ การเติบโตของยางสังเคราะห์ในเอเชียแปซิฟิกเกิดจากประชากรจำนวนมากในภูมิภาค เศรษฐกิจที่ดี ซึ่งนำไปสู่การขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์และรองเท้า แนวโน้มการขับขี่ที่เติบโตอย่างสูงในภูมิภาค จากการจำหน่ายรถยนต์นั่งในจีนและอินเดีย ซึ่งมีชนชั้นกลางมากขึ้นและมีรายได้สูงขึ้น ก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นความต้องการของยางสังเคราะห์ นอกจากนี้ ความต้องการผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การผลิตรถยนต์ และกิจกรรมก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นปัจจัยที่กระตุ้นความต้องการยางสังเคราะห์ในเอเชียแปซิฟิกด้วยเช่นกัน  

ที่มา: http://www.rubberworld.com/newsweek.asp?id=27145&date=month


















20/09/2018