สมัครสมาชิก
เข้าสู่ระบบ
ผู้ประกอบการ
ผู้ประกอบการ
แยกตามประเภทกิจการ
แยกตามผลิตภัณฑ์
ผลิตและจำหน่าย
การผลิต
การจำหน่ายตามกลุ่มผลิตภัณฑ์
การจำหน่ายของผู้ประกอบการส่งออก
การจำหน่ายตามกลุ่มผลิตภัณฑ์(New)
การจำหน่ายของผู้ประกอบการส่งออก(New)
สถิติการค้า
สถิติการค้าไทย
สถิตินำเข้า
สถิตินำเข้ารายผลิตภัณฑ์
สถิติส่งออก
สถิติส่งออกรายผลิตภัณฑ์
สถิติการค้าสากล
Supply & Demand
สถิตินำเข้าสากล
สถิติส่งออกสากล
ราคายาง
ยางธรรมชาติ(ในประเทศ)
ยางธรรมชาติ(ต่างประเทศ)
ยางสังเคราะห์ (CIF Bangkok)
ข่าวสาร
เศรษฐกิจ
เทคโนโลยี
กฏระเบียบมาตรฐาน
มาตรการการค้า
นโยบาย
ไม้ยางและผลิตภัณฑ์จากไม้
คลังความรู้
เทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง
เทคโนโลยีการผลิตและแปรรูปไม้
Supply Chain
รายงาน
สถานการณ์รายเดือน
สถานการณ์รายไตรมาส
สถานการณ์รายปี
บทวิเคราะห์
รายงานการศึกษาเชิงลึก
Executive Summary
มาตรการ
มาตรการทางการค้า
กฎ ระเบียบ และนโยบาย
ไทยฮั้วฯแต่งตัวไทรเบคก้า เอ็นเตอร์ไพร์สเข้าตลาดหุ้น พัฒนานิคมฯยางต้น-ปลายน้ำสร้างเสถียรภาพราคา
Subheading
บมจ.ไทยฮั้วยางพารา เล็งนำบริษัทลูก คือ "ไทรเบคก้า เอ็นเตอร์ไพร์ส" ซึ่งทำธุรกิจบริหารและพัฒนาที่ดินเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จ.ระยอง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ขณะนี้ขอรอดูความชัดเจนของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ก่อนว่าจะต่อยอดและเชื่อมโยงกันได้อย่างไร รวมทั้งต้องใช้เงินเพิ่มทุนอีกเท่าไร
นายหลักชัย กิตติพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยฮั้วยางพารา เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ถึงที่มาของนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยางว่า ไอเดียนี้เริ่มต้นเมื่อตอนเป็นนายกสมาคมยางพาราที่อยากแก้ปัญหาราคายางตกต่ำด้วยผลักดันปริมาณการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น แต่การสร้างโรงงานยางแค่ 1 โรง หรือ 2 โรงไม่มากพอที่จะเพิ่มการใช้ยางในประเทศ จึงจำเป็นต้องจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมาในจ.ระยอง ด้วยเงินลงทุน 1,800 ล้านบาท โดยถือหุ้น 100%
ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบยางพาราอันดับหนึ่งของโลก แต่ยังไม่มีการบริหารจัดการปลายน้ำเป็นเรื่องเป็นราว จึงตั้งใจว่าต้องทำนิคมอุตสาหกรรมยางพาราบนพื้นที่กว่า 2,442 ไร่ ซึ่งเป็นนิคมสีเขียวเพราะผ่าน EIA แล้ว ทำให้เกิดการเพิ่มมูลค่า เพราะจะมีการผลิตทั้งล้อยาง สายพานยาง ท่อยาง ผลิตภัณฑ์ยางทั้งหลาย จนถึงตอนนี้นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยางใช้เงินลงทุนไปแล้ว 3,240 ล้านบาท
"นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยางถือเป็นโครงการประชารัฐเพราะเราร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เราประสบความสำเร็จอย่างมากในเรื่องต้นน้ำ ส่งออกยางไปอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เพื่อให้บริษัทชั้นนำนำไปผลิตล้อยาง แต่ในประเทศไทยเองยังไม่มีศูนย์รวมของการทำกลางน้ำและปลายน้ำ เลยมีความตั้งใจว่าต้องทำนิคมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับยางพาราและต้องเป็นนิคมสีเขียว เอาสินค้าเกษตร เอายางพาราที่มีมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มมูลค่า เกิดการจ้างงาน เกิดการพัฒนาทักษะ ฝีมือ"
ในเฟสแรกมีพื้นที่ 1,500 ไร่ ขายพื้นที่ได้แล้ว 600 ไร่ ยังเหลืออีกประมาณ 900 ไร่ ซึ่งมีแผนพัฒนาพื้นที่ที่เหลือ โดยตั้งเป้าจะมีโรงงานขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 5-10 โรงงานเข้ามาตั้งในนิคมฯ คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท และช่วยเพิ่มการใช้ยางพาราในประเทศไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน/ปีภายใน 10 ปี จะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ราคายางก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะไม่ต้องพึ่งพาการส่งออกเหมือนในอดีต
สำหรับ 5 โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยางในขณะนี้ คือ 1.บริษัท เซ็นจูรี่ไทร์ (ประเทศไทย) จำกัด โรงงานผลิตยางรถยนต์ทั่วไปและยางล้อรถบรรทุก ใช้เงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้ทำการผลิตและส่งออกแล้ว โดยมีบริษัท เอส จี บี บริหารธุรกิจ จำกัด เป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
2.บริษัท เจ เอส วาย ลาเท็กซ์ โปรดักส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผลิตหมอนและที่นอนยางพารา เพื่อส่งออกและขายในประเทศ 3.หวาอี้ กรุ๊ป ซึ่งร่วมทุนกับไทรเบคก้าฯ เพื่อผลิตยางล้อรถ 6 ล้อ 10 ล้อ ยางรถบัส และยางอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมาย 2 ล้านเส้นต่อปี ส่งออก 99% ใช้เงินลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเริ่มส่งออกได้ภายในปีนี้ 4.บริษัท เสินโจว ไทร์ ทุนจดทะเบียน 3 พันล้านบาท และ 5.LK Energy ทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท
นายหลักชัย กล่าวว่า ในส่วนไทยฮั้วยางพาราเองยังคงแผนในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่คงเป็นช่วงหลังจากนำไทรเบคก้าฯ เข้าไปแล้ว ปัจจุบัน ไทยฮั้วฯ ได้พันธมิตรจากจีน คือ "ไทยกว๋างเขิ่น" เข้ามาร่วมทุนปลูกยางที่ลาวและกัมพูชา และเริ่มกรีดแล้ว และยังมีแผนจะตั้งโรงงานน้ำยางข้นและโรงงานยางแผ่นรมควันในปีนี้ และโรงงานยางแท่งในปีหน้า
จากปัจจุบันมีโรงงานผลิตยางแท่งและยางชนิดอื่นๆรวม 17 โรง กำลังผลิตรวม 6-7 แสนตัน/ปี และจากการร่วมทุนกับไทยกว๋างเขิ่นทำให้ตอนนี้มีโรงงานเพิ่มอีก 5 โรงงาน รวมเป็น 22 โรงงาน กำลังผลิตรวม 1.2 ล้านตัน/ปี โดยตั้งใจจะเดินไปสู่เป้าหมายเป็นบริษัทยางพาราอันดับ 1 ของโลก
ที่มา :
http://www.ryt9.com/s/iq03/2699984
25/08/2017