การจัดอันดับผู้ผลิตรายสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยางในทวีปอเมริกาเหนือยังเหมือนเดิมในปี
2016 โดยบริษัท 6 อันดับแรกยังคงติดอันดับเดิมเช่นเดียวกับปี
2015 และมีผู้มาใหม่เพียง 1 รายที่ติด 10
อันดับแรก
บริษัท Bridgestone Americas
ยังคงเป็นบริษัทยางที่ติดอันดับแรกในอเมริกาเหนือ
จากการจัดอันดับประจำปีของวารสาร Rubber & Plastics News (RPN) โดยมียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางประมาณ 8.78 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในอเมริกาเหนือ
อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนมีผลกระทบต่อบริษัทฯ
ดังกล่าว ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท Bridgestone
Corp. ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมือง Nashville รัฐเทนเนสซี
เช่นเดียวกับบริษัทที่ต่างชาติเป็นเจ้าของอื่นๆ สำหรับ Bridgestone ยอดจำหน่ายลดลงประมาณร้อยละ 12 เป็นเงินเยน
แต่ร้อยละ 13.2 เป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ
วารสาร RPN ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยประจำปีในการคำนวณรายได้เป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ
บริษัท Michelin North America Inc. ยังคงครองอันดับ
2 ด้วยรายได้จากการจำหน่ายในอเมริกาเหนือ 7.78 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2016 ลดลงร้อยละ 12
จากปี 2015
บริษัท Goodyear ยังครองอันดับ 3 ในอเมริกาเหนือ ด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางล้อประมาณ
7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในปี 2016 หรือลดลงร้อยละ 7.4
บริษัทต่างๆ ที่ติดอันดับมียอดจำหน่ายที่ลดลงเหมือนกัน
โดยบริษัทที่ติดอันดับ 7 ใน 10
ในอเมริกาเหนือมีรายได้ลดลงเมื่อปีที่แล้ว
ธุรกิจในอเมริกาเหนือของบริษัท
Continental A.G. ซึ่งรวมธุรกิจยางล้อของบริษัทฯ และธุรกิจที่ไม่ใช่ยางล้อ ContiTech
เป็นหนึ่งในข้อยกเว้น โดยติดอันดับ 4 ด้วยรายได้ประมาณ
4.42 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2016 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ
5.3 จากปี 2015
บริษัท Cooper Tire & Rubber Co.
ยังคงติดอันดับ 5 ด้วยยอดจำหน่าย 2.5 พันล้านเหรัยญสหรัฐฯ
และบริษัท Cooper-Standard Automotive Inc. ติดอันดับ 6
ยอดจำหน่าย 1.73 พันล้านเหรัยญสหรัฐฯ
สำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางในอเมริกาเหนือ
ผู้ติดอันดับ 10 อันดับแรกที่มาใหม่เพียงรายเดียว
คือ บริษัท Hankook Tire America Corp. ที่อันดับ 7 ด้วยยอดจำหน่าย 1.56 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
บริษัทดังกล่าวเป็นเครือของบริษัท Hankook Tire Co. Ltd. ของเกาหลีใต้
ได้รับการจัดอันดับจากวารสาร RPN เป็นครั้งแรกในปีนี้จากการเริ่มเดินเครื่องโรงงานยางล้อแห่งใหม่ในอเมริกาเหนือ
ในการได้รับการจัดอันดับ
บริษัทจะต้องมีโรงงานผลิตในอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ บริษัท Kumho Tire USA Inc. ติดอันดับเป็นครั้งแรกจากการเริ่มเดินเครื่องโรงงานแห่งใหม่ในรัฐจอร์เจีย
โดยเริ่มติดเป็นอันดับที่ 27 ยอดจำหน่าย 528.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอเมริกาเหนือ
บริษัท Toyo Tire (USA) Corp. ติดอันดับ
8 ด้วยยอดจำหน่าย 1.51 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ตามด้วยบริษัท Yokohama Tire Corp. และบริษัท Gates
Corp. ติดอันดับ 9 เท่ากัน
ด้วยยอดจำหน่ายประมาณ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับยอดจำหน่ายรวมของบริษัทที่ติด
10 อันดับแรก
อยู่ที่ 38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจาก 41 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่รายได้ที่ลดลงเป็นกระแสในปี 2016 ทั้งนี้ ในการจัดอันดับดังกล่าว ยังมีบริษัท 14 รายที่มียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมูลค่า
1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่านั้น ในอเมริกาเหนือ
ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับปี 2015
นอกจากบริษัท Hankook และ Kumho แล้ว ยังมีอีกสองบริษัทใหม่ที่ติดอันดับ คือบริษัท Acushnet
Holdings Corp. ผู้ผลิตลูกกอล์ฟตรา Titleist ติดอันดับ
37 ด้วยยอดจำหน่าย 282.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
และบริษัท HBD/Thermoid Inc. ผู้ผลิตสายยาง สายพาน
และผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ ติดอันดับ 40 ด้วยยอดจำหน่าย 212.5
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
บริษัทสองรายที่ถูกตัดออกจากการจัดอันดับ
50 อันดับแรก
คือ บริษัท Trico Products Corp. และบริษัท Wilson
Sporting Goods เพราะไม่มีข้อมูล\มีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะทำการประมาณการณ์
อีกสองบริษัทที่หลุดจากการจัดอันดับ 50 อันดับแรก คือ บริษัท
TrelleborgVibracoustic เนื่องจากบริษัท Freudenberg ซื้อการควบคุมกิจการทั้งหมดของบริษัทร่วมลงทุนดังกล่าว และบริษัท Wabtec
Corp.
การจัดอันดับ 50 อันดับแรกตัดที่รายได้ 133.7
ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของบริษัท Avon Automotive
ส่วนบริษัทที่มีรายได้สูงสุดหลังการตัดอันดับ คือ บริษัท Timken Co. ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของธุรกิจสายพานตรา Carlisle และบริษัท
Esterline Technologies, Callaway Golf, BRC Rubber & Plastic Corp. และ Jasper Rubber Products
Sumitomo Riko America
Inc. บริษัทในเครือของ Sumitomo ติดอันดับ 20
ด้วยรายได้ 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
บริษัท Church & Dwight Inc.
ผู้ผลิตถุงยางอนามัยตรา Trojan เลื่อนขึ้นเป็นอันดับ 17 ด้วยยอดจำหน่ายประมาณ 890 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางในอเมริกาเหนือ
ในส่วนของการจัดอันดับ 50 อันดับแรกของผลิตภัณฑ์ยางที่ไม่ใช่ยางล้อ
มีบริษัทรายเดียวกันที่ยังติด 10 อันดับแรกสำหรับผลิตภัณฑ์ยางที่ไม่ใช้ยางล้อ
โดยมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
บริษัท Continental พร้อมธุรกิจ ContiTech
ของบริษัทฯ ติออันดับ 1 อีกครั้ง ด้วยยอดจำหน่ายประมาณ
5.61 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยางล้อ
บริษัท Freudenberg Group เลื่อนขึ้นเป็นอันดับ
2 ด้วยยอดจำหน่าย 5.04 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
จากการซื้อหุ้นทั้งหมดของธุรกิจ Vibracoustic และยอดจำหน่ายในช่วง
6 เดือนสุดท้ายในปี 2016
บริษัท Hutchinson ตกลงมาเป็นอันดับ 3
ด้วยยอดจำหน่าย 4.57 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ตามด้วยบริษัท Sumitomo Riko Co. Ltd.
เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ด้วยยอดจำหน่าย 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และบริษัท Cooper Standard
ยังคงติดอันดับ 5 ด้วยยอดจำหน่าย 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ตามด้วยบริษัท NOK Inc. ยอดจำหน่าย 2.96 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัท Gates ยอดจำหน่ายประมาณ 2.85
พันล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัท Bridgestone
ตกมาเป็นอันดับ 8 ด้วยยอดจำหน่าย 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
บริษัท Trelleborg A.B. ยอดจำหน่าย 2.52 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และบริษัท Parker-Hannifin Corp. ยอดจำหน่าย 2.27 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ส่วนบริษัท Church & Dwight, Reckitt Benckiser Group
P.L.C.—ผู้ผลิตถุงยางอนามัยตรา Durex แบรนด์ชั้นนำระดับโลก
เลื่อนอันดับขึ้นจากข้อมูลตลาดถุงยางอนามัยใหม่ที่ได้รับ โดยติดอันดับ 11 มียอดขายประมาณ 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา: https://globalrubbermarkets.com/50003/rubber-rankings-top-6-unchanged-sales-slide.html