คอลัมน์ วงล้อเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี)
ธนาคารไทยพาณิชย์
ราคายางพาราที่เพิ่มขึ้นในอดีตทำให้มีการปลูกยางพารามากขึ้น
และส่งผลให้ปริมาณไม้ยางพาราของไทยโตขึ้นอย่างมาก
คาดว่าในระยะกลางปริมาณไม้ยางพาราในประเทศจะเติบโตขึ้นราว 3% จาก 20
ล้านตันในปี 2016 เป็นราว 23
ล้านตันในปี 2020 โดยมีสาเหตุมาจากการปลูกยางพาราที่เพิ่มขึ้นในช่วงปี
1991-1995
สำหรับในระยะยาวนั้นคาดว่าปริมาณไม้ยางพาราจะเพิ่มขึ้นอีกกว่าราว
5% ต่อปี หรือคิดเป็น 35 ล้านตันในปี 2030
จากการปลูกยางพาราใหม่ในช่วงปี 2000-2005
แม้ว่าราคายางพาราได้เริ่มลดลงตั้งแต่ปี 2011
แต่การปลูกยางพาราใหม่ในแต่ละปีก็ยังค่อนข้างคงที่
เนื่องจากผลตอบแทนจากการปลูกยางยังสูงกว่าพืชเกษตรชนิดอื่น
ไม้ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยม
โดยไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ ซึ่งคิดเป็นกว่า 65%
ของปริมาณไม้ยางพาราที่ผลิตได้
ไม้ยางพาราของไทยมีความสามารถในการแข่งขันทั้งในแง่คุณภาพและราคาเมื่อเทียบกับไม้เศรษฐกิจอื่น
เนื่องจากเป็นไม้เนื้อแข็งที่สามารถแปรรูปได้ง่าย
อีกทั้งระดับราคาที่ไม่แพงนักและใกล้เคียงกับไม้ชนิดอื่น
จึงมีความเหมาะสมกับการนำไปใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง
การส่งออกไม้ยางพาราของไทยไปยังจีนคาดว่าจะยังเติบโตขึ้นในอนาคตจากทั้งการขยายตัวของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์
และอสังหาริมทรัพย์ในจีน รวมถึงการส่งออก
จีนยังคงมีความต้องการนำเข้าไม้ยางพาราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2015 มีการนำเข้ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้นกว่า 15%
สำหรับในระยะกลาง
ความต้องการใช้ไม้ยางพาราของจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก
เห็นได้จากยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้นราว 14% ต่อปีในช่วง
5 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นราว 9.6 ล้านล้านหยวนในปี 2016
ซึ่งจากยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวคาดว่าจะสร้างความต้องการไม้ยางพาราเพื่อนำไปใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้
และอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้าน
ในขณะเดียวกันการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไม้จากจีนไปยังประเทศต่างๆ
ยังคงเติบโตได้ดี โดยที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกดังกล่าวเพิ่มขึ้นราว 13% ต่อปี
ทั้งนี้
มองว่าไทยมีศักยภาพที่จะหันมาเพิ่มสัดส่วนการผลิตเฟอร์นิเจอร์และสินค้าจากไม้ยางพาราเพื่อเพิ่มมูลค่าในการส่งออก
โดยภาครัฐและเอกชนควรร่วมมือกันวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
อีกทั้งผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับการออกแบบและสร้างแบรนด์มากขึ้น
(ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด ประจำวันที่ 19 มกราคม 2560)