เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ จึงส่งเสริมให้ชาวสวนยางที่ปลูกยางแต่ได้รับผลผลิตน้อย ติดต่อรับสิทธิ์ขอทุนในการปลูกแทนได้ ที่สำคัญ กยท.จะเร่งให้ความรู้แก่เกษตรกรในการเลือกปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ โดยเกษตรกรสามารถเลือกปลูกแทนด้วยยางพันธุ์ดีหรือไม้ยืนต้นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับพื้นที่ของตนเอง ซึ่งจะมีพนักงานของ กยท.ให้ข้อมูลแก่เกษตรกรในแต่ละพื้นที่อย่างใกล้ชิด หรือเกษตรกรขอรับคำปรึกษาและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กยท.ทุกสาขาทั่วประเทศ
ด้าน นายกฤษดา สังข์สิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาการผลิต การยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกแทนของ กยท. เกษตรกรสามารถขอรับทุนได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสมของพื้นที่ เช่น ต้นยางพาราที่ปลูกทรุดโทรมเสียหาย หรือให้ผลผลิตน้อย แม้สวนยางจะได้รับการดูแลอย่างดีแล้ว แต่ยังคงให้ผลผลิตน้อยอยู่ และต้นยางมีอายุเกิน 15 ปี เปิดกรีดแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี รวมทั้ง เกษตรกรที่เป็นผู้รับการปลูกแทนอยู่แล้วต้องการเปลี่ยนมาปลูกไม้ยืนต้น หรือพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอื่นๆให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตนแทนยางพารา สามารถติดต่อขอรับสิทธิ์หรือขอคำปรึกษาได้ที่ กยท.จังหวัดหรือสาขาที่อยู่ในพื้นที่ของเกษตรกรเพื่อขอรับการส่งเสริมปลูกแทนได้ ในอัตราไร่ละไม่เกิน 16,000 บาท ต่อไร่
(ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ประจำวันที่ 17 ธันวาคม 2559)