หลังจากที่ ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย พร้อมคณะได้เดินทางเข้าร่วมประชุมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ (International Tripartite Rubber Council : ITRC) ณ กรุงจาร์กาต้า ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7-11 พฤศจิกายน 2559 เพื่อเร่งหาข้อสรุปเรื่องความร่วมมือในการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบของโลก ทำให้ราคายางพาราในประเทศไทยขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายางพาราเริ่มกระตุ้นขึ้นบ้างแล้ว จะเห็นได้จากราคายางในท้องถิ่นภาคใต้ ราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ กก.ละ 63.40 น้ำยางดิบ ณ โรงงาน ราคากก.ละ 58.25 บาท ส่วนที่ราคาประมูล ณ ตลาดกลางยางพารา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ยางแผ่นดิบอยู่ที่ กก. 64.87 บาท ยางรมควันชั้น 3 กก.ละ 69.41 บาท ขณะที่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2559 นั้น ราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ กก.ละ 52.60 บาท น้ำยางดิบ กก.ละ 54.50 บาท ส่วนที่ราคาประมูล ณ ตลาดกลางยางพารา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ยางแผ่นดิบอู่ที่ กก. 54.53 บาท ยางร่มควันชั้น 3 กก.ละ 54.75 บาท
สำหรับประชุมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศที่ประเทศอินโดนีเซียที่ผ่านมา มีการหารือถึงการพยากรณ์อุปสงค์ อุปทานยางพาราของโลก ความก้าวหน้าในการจัดตั้งตลาดยางระดับภูมิภาค (RRM) ผลการดำเนินการตามมาตรการกำหนดปริมาณการส่งออก (AETS) การสร้างความร่วมมือระหว่างสภาไตรภาคีกับประเทศจีนและประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรีสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ ซึ่งไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพประชุม โดยจะจัดขึ้นวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ณ กรุงเทพมหานคร
กระนั้น นายเชาว์ ทรงอาวุธ รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ฝากเตือนสติเกษตรกรชาวสวนยางพาราว่า เกษตรกรอย่างเพิ่งดีใจมากจนเกินไป ต้องเตรียมตัวพร้อมด้วยเพราะอาจจะเป็นช่วงระยะสั้นๆก็ได้ ฉะนั้นทางออกที่ดีเกษตรกรต้องรักษาคุณภาพให้ได้มาตรฐาน รวมกลุ่มเพื่อทำการปรรูป ปลูกพืชอื่นแซมในส่วนยางเพื่อหารายได้เสริมที่จะต้องทำต่อไป และสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด คือ ต้องลดต้นการผลิต รวมตัวเป็นกลุ่มเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง และซื้อปัจจัยการผลิตให้ถูกลง
สำหรับสาเหตุที่ราคายางพาราขึ้นในช่วงนี้ นายเชาว์ ชี้แจงว่ามาจากหลายปัจจัย อาทิ ปัจจับภายในเกิดจาการที่ กยท.ได้รณรงค์ให้เกษตรกรลดพื้นที่ปลูกยาง 4 แสนไร่ เจ้าของสวนยางขาดแคลนแรงงานกรีดยาง ประกอบกับเข้าสู่ฤดูฝน ส่งผลให้การผลิตน้ำยางน้อยลง และอีกปัจจัยที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันสต๊อกยางในประเทศจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าใหญ่ขาดแคลนยางอย่างหนัก ทำให้นักธุรกิจจีนต้องเดินทางมาขอซื้อยางจากไทยจำนวนมาก ทั้งที่มาติดกับ กยท.โดยตรง และติดต่อกับสถาบันเกษตรกรที่ปลูกยางพาราอีกด้วย
ด้านนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรยางพาราแห่งประเทศไทย(สยยท.) เห็นว่า หลังจากที่มีผู้แทนนักธุรกิจที่เกี่ยวกับวงการยางพาราสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าพบที่ จ.ระยอง เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 เพื่อเจรจาซื้อยางจากไทยนั้น เป็นการส่งสัญญาณว่าต่อไปราคายางพาราของไทยต้องดีขึ้นแน่นอน
“ที่คณะนักธุรกิจของจีนมาครั้งนี้ เพราะว่าปีนี้ทางจีนได้ประสบกับปัญหาการขาดแคลนยางจึงได้ทำสัญญาซื้อขายยางไว้ล่วงหน้า แต่ปรากฎว่าคู่ค้าไม่สามารถส่งยางได้ตามสัญญาซึ่งเป็นปัญหาต่อการผลิตของบริษัทต่างๆ ส่งผลให้เกิดผลพวงปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบป้อนเข้าสู่โรงงาน ดังนั้นผู้แทนบริษัทจากประเทศจีนจึงต้องการติดต่อจากสถาบันเกษตรกรจากประเทศไทยที่สามารถรวบรวมผู้ผลิต (ต้นน้ำ) ส่งโดยตรงไปยังบริษัทในประเทศจีนโดยไม่ผิดสัญญา” นายอุทัย กล่าว
ประธาน สยยท. ระบุว่า การเจรจาเบื้องต้น ทางจีนพร้อมที่จะให้การสนับสนุนดังนี้ 1.ให้สภาเครือข่ายยาง และสถาบันเกษตรกรยางพาราแห่งประเทศไทย (สยยท.) รวบรวมกลุ่มเกษตรกรผลิตยางแท่ง STR20 และยางแผ่น RSS3 และยางคอมเปาด์ฯลฯ เพื่อจัดส่งให้เขาตามสัญญาที่จะตกลงกัน 2.ฝ่ายจีนโดย Miss Xiaoxia Dong จะเป็นผู้รวบรวมบริษัทต่างๆในประเทศจีนที่ต้องการยางเพื่อเซ็นต์สัญญาซื้อขายโดยตรงกับ สยยท. 3.ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันกำหนดตราสินค้า เพื่อให้ยอมรับซึ่งกันและกัน 4.เมื่อทั้งสองฝ่ายได้จำนวนยางที่แน่นอนสม่ำเสมอทั้งจำนวนและคุณภาพพร้อมที่จะเซ็นต์ MOU ในขั้นต้นเพื่อสร้างความมั่นใจทั้งสอนฝ่าย และ 5.ฝ่ายประเทศจีน พร้อมที่จะให้ค่าบริหารจัดการ (นอกเหนือจากราคายาง) เพื่อให้กรรมการสยยท.จะต้องเป็นผู้ตรวจสอบให้ได้มาตรฐานสากลจึงจะประทับตรายืนยันคุณภาพ
“สยยท.เรามีความมั่นใจต่อเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสยยท.ทุกคนในฐานะที่เป็นผู้ผลิตยางอยู่ในมือถึงปีละ 4.5ล้านตันต่อปี ซึ่งถ้ารวมกับเพียง 20% ทั่วประเทศก็จะสร้างฐานอำนาจในการต่อรองราคาได้ซึ่งมีความมั่นใจว่าเกษตรกรต้องลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง” ประธาน สยยท. กล่าวอย่างมั่นใจ
สำหรับคณะตัวแทนนักธุรกิจที่ไปพบในครั้งนี้ ประกอบด้วย ตัวแทนจากม 8 บริษัทจากเมืองเซี่ยงไฮ้นำโดยนายหว่อง เฟิร์ค ( Mr.Wong Ferg) จาก QINGDAO XINMAOYUAN RUBBER CO.,LTD คณะที่สองซึ่งนำโดย นายซู หยง ปิง (Mr.Zhu YongPing) ประธาน บริษัท QUANGDONG JIHUAINVESTMENT DEVELOPING CO.,LTD และคณะจากกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นตัวแทนรัฐวิสาหกิจผลิตล้อยาง ล้อเครื่องบินให้ทหาร
นอกจากนี้ ทางทางสภาเครือข่ายยางฯ ได้รับการติดต่อประสานงานจากพ่อค้าชาวจีนจากเมืองชิงเต่า เพื่อหารือคณะกรรมการ สยยท.เพื่อร่วมกันวางแผนซื้อยางกับเกษตรกรโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางราวในต้นเดือนธันวาคม 2559 นี้ด้วย
ถือเป็นนิมิตหมายใหม่ที่ดีของเกษตรกรที่จะพัฒนาการขายยางไปอีกขั้นในอันที่จะช่วยให้เกษตรกรชาวยางของไทยขายยางได้ราคาดีขึ้น นอกจากจะยกระดับการซื้อขายยางในรูปแบบใหม่แล้วยังช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางพารามีรายได้ที่มั่นคงเกิดความยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย
(ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559)