FTA ไทย-ปากีสถานคืบหน้า 2 ฝ่ายเห็นพ้องเร่งเจรจาให้จบสิ้นปีนี้


    น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมการเจรจาเอฟทีเอไทย-ปากีสถาน ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า การเจรจารอบนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการหารือเกี่ยวกับรูปแบบการลดภาษี การเปิดตลาดสินค้า และกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าที่ไทยได้ยื่นข้อเสนอให้ปากีสถานพิจารณาในการเจรจารอบที่ผ่านมา รวมทั้งแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับรายการสินค้าที่แต่ละฝ่ายเรียกร้องให้ลดภาษี
    ทั้งนี้ ไทยเสนอให้ปากีสถานเปิดตลาดสินค้าสำคัญ เช่น อาหารแปรรูป น้ำตาล เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมีและพลาสติก ยางพาราและผลิตภัณฑ์ ไม้อัด ไม้บาง และไม้แผ่น เยื่อและกระดาษ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ของเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น
    โดยไทยยินดีให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ปากีสถาน ด้านการตรวจสอบถิ่นกำเนิด และตรวจ-ปล่อยสินค้าที่กรมศุลกากรของไทยในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน2559 นี้ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งเจรจาให้จบภายในสิ้นปี 2559 นี้ เพื่อให้มีผลใช้บังคับต้นปี 2560 โดยปากีสถานจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเจรจาครั้งต่อไปในเดือนธันวาคม 2559 ที่กรุงอิสลามาบัด
    การจัดทำเอฟทีเอไทย-ปากีสถาน จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทั้ง 2 ประเทศ ทั้งด้านการค้าและการลงทุน เนื่องจากเป็นการขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งรูปภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี เป็นการเพิ่มโอกาสการนำเข้าโดยเฉพาะสินค้าวัตถุดิบ โดยปากีสถานยังมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์และมีค่าเป็นจำนวนมาก การส่งออกสินค้าของไทยไปปากีสถานและประเทศใกล้เคียงในภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสในการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศ และนักลงทุนจากต่างประเทศ น.ส.สุนันทา กล่าว
    ทั้งนี้ ไทยและปากีสถานตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ โดยปากีสถานมีที่ตั้งที่สามารถเป็นแหล่งการลงทุนและกระจายสินค้าสำหรับไทยไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ ส่วนไทยตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศในกลุ่มอาเซียนและสามารถเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าและแหล่งลงทุนแห่งใหม่ให้แก่ปากีสถานได้ จะเห็นได้ว่าไทยและปากีสถานมีลู่ทางขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันอย่างมาก ปัจจุบันมีนักลงทุนไทย ได้แก่ บริษัท สยามซีเมนต์ บริษัทไทยยูรีเทน เคมีคัลอินดัสเตรียล บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี. ปากีสถาน) ได้เข้าไปลงทุนในปากีสถานแล้ว
    สำหรับในปี 2558 ปากีสถานเป็นคู่ค้าอันดับ 42 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียใต้ รองจากอินเดีย การค้า 2 ฝ่ายมีมูลค่า 1,032.86ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.8% จากปี 2557 การส่งออกมีมูลค่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.38% จากปี 2557 การนำเข้ามีมูลค่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลง 14.6% จากปี 2557 ทั้งนี้ การค้าระหว่างไทยกับปากีสถานในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (2554-2558) มีมูลค่าเฉลี่ย 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสัดส่วนการค้าเฉลี่ย 0.23% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยโดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ามาตลอด ซึ่งปัจจุบันปากีสถานมีเอฟทีเอกับจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ศรีลังกา มอริเชียสและอยู่ระหว่างการเจรจาความตกลงทางการค้ากับไทย ตุรกี เกาหลีใต้

    (ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2559)


















21/11/2016