บริษัท Cooper Tire & Rubber ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักสำหรับทุนริเริ่มการวิจัยและพัฒนาชีวมวล (BRDI) ในโครงการ“การปกป้องอนาคตของยางธรรมชาติ – ฐานการพัฒนายางล้อและพลังงานชีวมวลจากต้นวายูเล่ของอเมริกา” ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า นักวิทยาศาสตร์ของบริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนายางล้อต้นแบบจากยางต้นวายูเล่เพื่อทดแทนยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์
วายูเล่เป็นไม้พุ่มที่เติบโตในเขตท้องถิ่นทางตอนใต้ฝั่งตะวันตกของสหรัฐ ฯ เป็นพืชที่ให้น้ำยางซึ่งสามารถนำมาใช้ผลิตยางล้อได้ กระบวนการผลิตยางล้อต้นแบบที่ผลิตขึ้นจากยางต้นวายูเล่ 100%นั้นยังคงต้องทำการทดลองเพื่อประเมินเพิ่มเติมในด้านเทคนิคต่อไป ซึ่งทาง Cooper ได้วางแผนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับศักยภาพในเชิงพาณิชย์ของยางล้อที่ผลิตขึ้นจากยางของต้นวายูเล่แล้ว
Cooper ได้ผลิตยางล้อจากยางต้นวายูเล่ออกมาเสร็จสมบูรณ์แล้วจำนวนหนึ่ง โดยได้ใช้ยางต้นวายูเล่แทนยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ทั้งหมดในหลายชิ้นส่วนประกอบยางล้อ และได้ทดสอบสมรรถนะโดยรวมของยางล้อแต่ละเส้น ซึ่ง Cooper ได้กล่าวในการประชุมของโครงการ BRDI ว่าหลังจากที่ได้ทดสอบยางล้อเหล่านี้แล้วได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
นาย Chuck Yurkovich รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Cooper กล่าวว่า “เราทำงานด้านการพัฒนาส่วนประกอบของยางล้อจากต้นวายูเล่เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และได้ทดสอบเพื่อให้แน่ใจในการประเมินด้านสมรรถนะเต็มรูปแบบ ซึ่งผลที่ได้ก็เป็นที่น่าพึงพอใจมาก ซึ่งเราได้พิสูจน์แล้วว่าเราสามารถใช้ยางต้นวายูเล่ทดแทนพอลิเมอร์แบบเดิมในส่วนประกอบของยางล้อ และยางล้อที่เราทดสอบก็มีสมรรถนะเทียบเท่ากับยางล้อที่ผลิตแบบเดิม ทางบริษัทได้ปรับปรุงการใช้สูตรผสมยางต้นวายูเล่ให้เหมาะสมไม่เพียงแต่ในการผลิตเป็นยางล้อทั้งเส้นเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงยางเบลนด์ที่ผสมกับยางต้นวายูเล่ที่มีสัดส่วนองค์ประกอบแน่นอน ซึ่งได้แสดงผลที่ เป็นความก้าวหน้าให้เห็นไปแล้ว”
นอกจากนี้ Cooper ยังได้ทำงานร่วมกับหน่วยบริการวิจัยทางการเกษตร ของกรมวิชาการเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA-ARS) โดยทาง ARS ได้ทำการศึกษาด้านชลประทานของต้นวายูเล่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตยางในพื้นที่ทางตอนใต้ฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ
ในการศึกษาแปลงต้นวายูเล่ 2 แปลงที่อยู่ในเมือง Maricopa รัฐ Arizona ทาง ARS พบว่าการให้น้ำแบบหยดสามารถให้ผลผลิตยางมากที่สุดซึ่งมากกว่าเทคนิคการรดน้ำแบบอื่นๆ โดยเมื่อพิจารณาถึงผลผลิตที่ได้มากที่สุด และในขณะเดียวกันก็ใช้น้ำน้อยที่สุด
ARS ยังทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย Cornell ในการเรียงลำดับรหัสพันธุกรรมของต้นวายูเล่ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาด้านผลผลิต ความทนทานต่อโรคและศัตรูพืช ความทนต่อสภาพอากาศเย็น และปัจจัยอื่นๆ
มหาวิทยาลัย Clemson ก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมให้ทุนนี้ โดยกำลังศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของวงจรอายุการใช้งานยางล้อที่ผลิตจากยางต้นวายูเล่เมื่อเปรียบเทียบกับยางล้อที่ผลิตขึ้นจากยางพาราแบบดั้งเดิม ทางมหาวิทยาลัย Clemson จะช่วยชี้วัดเชิงคุณภาพในเรื่องของความยั่งยืนตั้งแต่ระดับรหัสพันธุกรรมไปจนกระทั่งการผลิตออกมาเป็นล้อยาง รวมถึงอายุการใช้งาน และการกำจัดยางล้อ
บริษัท Pan Aridus ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ตั้งอยู่ในเมือง Casa Grande ในรัฐ Arizona ได้ผลิตยางที่ใช้ในการผลิตยาง และได้พัฒนายางวายูเล่ที่หลากหลายจนสามารถเพิ่มปริมาณยางวายูเล่ในยางล้อได้แบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
(ที่มา: http://rubberjournalasia.com, 16/09/2016)