สำนักข่าว The Economic Times รายงานว่า “ปริมาณการผลิตยางธรรมชาติทั่วโลกลดลงเล็กน้อยในช่วงครึ่งปีแรกนี้” โดยอ้างอิงจากรายงานของสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC)
จากรายงานฉบับล่าสุดของ ANRPC ในหัวข้อ “แนวโน้มและสถิติยางธรรมชาติ (Natural Rubber Trends and Statistics)” ระบุว่า ปริมาณการผลิตยางธรรมชาติของประเทศสมาชิกรวมกันอยู่ที่ประมาณ 4.93 ล้านตัน ในช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปริมาณการผลิตยางธรรมชาติของประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ส่วนเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ในขณะที่อินโดนีเซียลดลงร้อยละ 0.3 จีนลดลงร้อยละ 12 มาเลเซียลดลงร้อยละ 3.8 และอินเดียลดลงร้อยละ 3 โดย ANRPC ให้เหตุผลว่าปริมาณผลผลิตยางที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากราคายางที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรในทุกๆ ประเทศต่างก็ประสบปัญหานี้
“เกษตรกรผู้ปลูกยางตัดสินใจว่าจะไม่เก็บน้ำยางเนื่องจากมีผลตอบแทนที่ต่ำ โดยจะไม่มีการเก็บน้ำยางจากต้นยางพาราที่โตเต็มที่บนเนื้อที่ 130,000 เฮกตาร์ในมาเลเซีย และ 145,000 เฮกตาร์ในอินเดีย นอกจากนี้ เกษตรกรสวนยางในประเทศสมาชิกยังตัดสินใจที่จะไม่ดูแลรักษาต้นยางให้อยู่ในสภาพที่ดีตามสมควร และในหลายๆ ประเทศ ยังลดความถี่ในการกรีดยางด้วย ซึ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงค่าเฉลี่ยของผลผลิตน้ำยางต่อพื้นที่ที่สามารถกรีดยางได้”
รายงานของ ANRPC ยังระบุว่า สภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยและปัญหาการเมืองในสหภาพยุโรปมีส่วนสำคัญที่กระทบต่อภาคธุรกิจยางธรรมชาติ
“ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปทั้ง 28 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนปริมาณความต้องการยางธรราติร้อยละ 9.5 ของปริมาณความต้องการทั่วโลก ทั้งนี้บรรดาประเทศสมาชิกของ ANRPC ทั้ง 11 ประเทศ นั้น ประเทศอินเดีย มาเลเซีย และศรีลังกามีการส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยางไปยังสหภาพยุโรปเป็นอย่างมาก"
ประเทศสมาชิกของ ANRPC ประกอบด้วย กัมพูชา จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ปาปัวนิวกินี ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย และเวียดนาม
(ที่มา: http://www.rubberworld.com, 15/07/2016)