ราคาถุงมือยางซึ่งได้ปรับขึ้นไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีกเนื่องมาจากวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้นและเงินสกุลริงกิตแข็งค่าขึ้น
สมาคมผู้ผลิตถุงมือยางของมาเลเซีย (Margma) กล่าวเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมาว่า ภาคอุตสาหกรรมต้องรับภาระจากผลกระทบด้านค่าจ้างขั้นต่ำและราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น
“ราคาถุงมือยางนั้นคาดว่าจะยังคงปรับราคาเพิ่มขึ้นต่อไปเนื่องจากต้นทุนปัจจัยการผลิตทั้งยางธรรมชาติและยางไนไตรล์ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตถุงมือยางนั้นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินริงกิต นั่นหมายความว่าผู้ผลิตถุงมือยางจะได้เงินที่แปลงกลับเป็นสกุลริงกิตน้อยลงจากการส่งออก”
ทาง Margma ยังระบุว่า ราคาน้ำยางธรรมชาติได้ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 4.55 ริงกิตต่อกิโลกรัม เพิ่มจากเดือนกุมภาพันธ์ที่มีราคาอยู่ที่ 3.55 ริงกิตต่อกิโลกรัม ในขณะเดียวกันราคายางสังเคราะห์ หรือน้ำยางไนไตรล์ก็เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งในขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1,020 เหรียญสหรัฐต่อตัน (ราว 3,957ริงกิต) เพิ่มจากเดือนกุมภาพันธ์ที่มีราคาอยู่ที่ 960 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งค่าเงินสกุลริงกิตได้แข็งค่าขึ้นอยู่ที่ประมาณ 3.88 ริงกิตต่อเหรียญสหรัฐ จากเดิมอยู่ที่ 4.58 ริงกิตต่อเหรียญสหรัฐ
“ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทางผู้ผลิตถุงมือยางจะต้องปรับเพิ่มราคาถุงมือยางเพื่อชดเชยต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนมีผลโดยตรงต่อการทำกำไร ผู้ประกอบการผลิตถุงมือกำลังจับตามองสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และหากมีความจำเป็นก็จะต้องมีการปรับราคาถุงมือยางทุก 2 สัปดาห์ จากเดิมที่เคยปรับราคาเดือนละครั้งในระหว่างช่วงที่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความผันผวนเช่นนี้” Margma กล่าว
(ที่มา: http://globalrubbermarkets.com, 21/04/2016)